หลังจากได้เขียนถึง Puma Black Label คอลเล็กชั่น Fall 2014 ที่ลอนช์ไปใน Tokyo เมื่อเช้า คืนนี้จึงเขียนบล็อกเป็นไดอารี่ถึงไลน์พิเศษ Puma Black Label ที่ชื่นชอบ จากผลงานการออกแบบของ MiharaYasuhiro เพราะในบรรดาดีไซเนอร์เก่งๆที่มาร่วมสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นให้กับทาง Puma ในไลน์สุดพิเศษนี้ ส่วนตัวนั้น ชื่นชอบผลงานการออกแบบคอลเล็กชั่นของ MiharaYasuhiro มากที่สุด ตั้งแต่ที่ดีไซเนอร์คนเก่งคนนี้ร่วมงานกับทาง Puma มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 ผ่านมา 10 กว่าปีแล้วแต่ก็ยังคงมีรองเท้ารุ่นที่ทั้งดูสวยบ้าง มีทั้งที่ดูแปลกตาบ้างออกมาอย่างต่อเนื่อง และแม้จะมีรองเท้า Puma MiharaYasuhiro เพียง 6 คู่ แต่หากมีงบก็ยังคงอยากอุดหนุนผลงานการออกแบบรองเท้าสุด Avant-Garde จากดีไซเนอร์คนนี้ต่อไป
Slip On ยางจาก S/S 2006 เป็น Puma MY คู่แรก
ส่วนตัวนั้นเริ่มสนใจผลงานการออกแบบของ MiharaYasuhiro แห่ง SoSu หลังจากที่มีโอกาสได้ไปชมผลงานคอลเล็กชั่นของเค้า ที่ญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน บวกเข้ากับ Puma เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้ากีฬาที่ชื่นชอบด้วยแล้ว ไลน์สุดพิเศษของ Puma ไลน์นี้ จึงตอบโจทย์ความชอบส่วนตัวที่สุด หลายๆครั้งที่ MiharaYasuhiro นำเอาเอกลักษณ์หลายๆอย่างทั้ง ศิลปะ และสตรีทแฟชั่น จากญี่ปุ่นมาใส่ไว้ในไลน์พิเศษนี้ Puma MiharaYasuhiro จึงออกมาค่อนข้างที่จะดูแปลกๆ และหลุดโลกบ้างในบางคู่ แต่ทั้งหมดล้วนเกิดจากการผสมผสานสิ่งต่างๆทั้งจาก แนวคิด วัสดุ และเทคโนโลยีที่ทาง Puma นั้นมีเสมอมา อย่างรองเท้า ทั้ง 4 คู่ จาก 6 คู่ ใน 4 คอลเล็กชั่นที่ได้ยกมาก็เป็นหนึ่งในเหล่ารองเท้าที่ใส่บ่อย นอกจากใส่สบายแล้วยังชอบดีไซน์ด้วย
พื้นรองเท้าพิเศษจาก A/W 2006 ที่ดูโดดเด่นมากๆ
รองเท้าคู่แรกของ Puma MiharaYasuhiro ที่มี นั่นก็คือ Slip On ยางสีเทา มีพื้นสีชมพู เป็นสองสีที่ชอบมากๆ(ดูได้จากสีของบล็อกช่วง 4 ปีที่ผ่านมา)จากคอลเล็กชั่น S/S 2006 หนึ่งในผลงานสนุกๆที่นำเอา Street Fashion และความสนุกของวัยทีนญี่ปุ่นมาผสมเข้ากันกับกีฬา ผลลัพธ์ออกมาก็กลายเป็นคอลเล็กชั่นรองเท้าสีสันสดใส รวมไปถึงในส่วนของรายละเอียดจากหลายคู่ ซึ่งดูล้ำสุดๆ ก่อนจะส่งต่อมายังคอลเล็กชั่น F/W 2006 ที่แม้ว่าจะเป็น Street Fashion จากญี่ปุ่นเช่นกัน แต่คอลเล็กชั่นนี้ดึงเอาเหล่ากีฬา X Treme มาเป็นหัวใจหลัก(อย่างที่เห็นใน AD Campaign เล่นกันจนแขนขาหัก) แล้วยังมาพร้อมกับรายละเอียดที่พื้นรองเท้า ซึ่งดูเหมือนเหยียบของเหลวแล้วเปื้อนขึ้นมา สอดรับกับโลโก้จากแบรนด์ของ MiharaYasuhiro เอง
S/S 2007 กับ Hi-Top หมุด(พลาสติก)หนามที่ข้อเท้า
คอลเล็กชั่น S/S 2007 นั้น MiharaYasuhiro ปล่อย AD Campaign สนุกๆออกมา เมื่อภาพวาดของเหล่านักรบโบราณของญี่ปุ่นที่กำลังสู้รบ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่รองเท้า Puma ด้วยเช่นกัน! คอลเล็กชั่นนี้เป็นการดึงเอาดีเทลต่างๆของชุดซามูไรมาใช้กับรองเท้ากีฬา แล้วก็ออกมาลงตัวน่าชื่นชมเลยทีเดียว มีหลายคู่ที่ส่วนตัวชอบมากๆ แต่ด้วยงบจำกัด จึงเลือก Hi-Top สีขาวอย่างที่เห็นในรูปมาเพียงคู่เดียว และอีกหนึ่งในคอลเล็กชั่นอันโด่งดังคอลเล็กชั่นหนึ่งของ Puma MiharaYasuhiro คอลเล็กชั่น S/S 2009 คอลเล็กชั่นต้อนรับทศวรรษใหม่ด้วยการดึงเอากระแส Global Warming มาใช้ อย่างที่เห็นได้ในส่วนของรายละเอียดจากพื้นรองเท้าที่มีลักษณะเหมือนกับการหลอมละลาย แล้วก็เชื่อว่าทั้งแฟนๆของ Puma และ MiharaYasuhiro เองชื่นชอบ
ภาวะโลกร้อน กับรองเท้าพื้นละลายจาก S/S 2009
อย่างที่เขียนไปเมื่อเช้าว่าน่าเสียดายที่ไลน์พิเศษของ Puma Black Label ไลน์นี้ดูเหมือนอาจจะไม่ได้รับความนิยมที่ดีและมากพอในเมืองไทย อาจด้วยเพราะในส่วนของราคา ที่สูงกว่ารองเท้า Puma รุ่นปรกติทั่วไปอีก 2-3 เท่าตัว แล้วหลายๆคู่ก็อาจดูแปลกประหลาดไปบ้าง อย่างผลงานการออกแบบของ MiharaYasuhiro, Alexander McQueen และ Hussein Chalayan ในบางรุ่น แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นอย่างที่เคยเขียนถึงไปว่า ไลน์พิเศษนี้ล้วนเกิดจากการผสมผสานของงานดีไซน์(ในสไตล์ซึ่งแตกต่างกันไปจากดีไซเนอร์ในแต่ละคน) และเทคโนโลยีการผลิตที่มีจากทาง Puma จนกลายมาเป็นผลงานดีๆในไลน์พิเศษไลน์นี้ (ยังคงแอบนึกถึง Puma 96 Hours ที่ออกแบบโดย Neil Barrett อยู่เลย) หากใครที่ชอบสวมใส่ของเท้าที่ให้ความสบาย มาพร้อมดีไซน์ซึ่งแตกต่างต่างออกไปจากใน Puma รุ่นปรกติ Puma ในไลน์ Black Label นั้นคือคำตอบที่คุณคู่ควร และขอชวนให้ลองสัมผัสด้วยตัวเองว่าไลน์ Black Station นั้นพิเศษอย่างไร ^__^
ความพิเศษของ Puma MY มักจะมาพร้อมพื้นรองเท้าใหม่ๆ
โลโก้ของ MiharaYasuhiro ทั้งแบบปั๊ม และแบบหมุดโลหะ