30 May 1431

วันนี้เมื่อ 588 ปีที่แล้ว วีรสตรีชาวฝรั่งเศสในวัย 19 ปีนามว่า 'ฌาน ดาร์ก' (Jeanne d'Arc) หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ 'โยน ออฟ อาร์ค' (Joan of Arc) โดนจับเผาทั้งเป็น โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีด  แต่ภายหลังเกือบ 3 ทศวรรษต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปาคาลิกซ์ตุสที่ 3 ทรงมีคำสั่งให้มีการตั้งศาลใหม่ในการพิจารณาการดำเนินการพิจารณาคดีการตัดสินของศาลแรก ศาลสรุปว่า ฌานเป็นผู้บริสุทธิ์ในปี ค.ศ. 1909 ฌานได้รับแต่งตั้งให้เป็นบุญราศี และได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญในปี ค.ศ. 1920 ฌานเป็นหนึ่งในสามนักบุญองค์อุปถัมภ์ประเทศฝรั่งเศส และเป็นแรงบันดาลใจให้นักออกแบบหลายรายนำเรื่องราวมานำเสนออยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นคอลเล็กชั่นฤดูหนาว 1998 ของแบรนด์ Alexander McQueen กับฟินาเล่อันตราตรึง

AKE AKE : The Gift of The Gorgon

เมื่อถึงช่วงเวลานี้ของแต่ละปี ผมอดตื่นเต้นไม้ได้ที่จะได้เห็นผลงานในแชปเตอร์บทล่าสุดของ AKE AKE  โดยเฉพาะกับในปีนี้ที่ทางแบรนด์ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 อย่างสง่างาม พร้อมทั้งมีอะไรใหม่ๆมาเซอร์ไพรส์แฟนๆอย่างต่อเนื่อง อย่างการเปิดตัว The Prayer Stone Series ที่มาพร้อมคัสตอมเซอร์วิสให้ลูกค้าได้รังสรรค์กำไลข้อมือลูกปัดหินสีได้ตามต้องการไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา  และล่าสุดกับแชปเตอร์ที่ 15 ในชื่อว่า 'The Gift of The Gorgon' โดยชิ้นงานหลักในแชปเตอร์ล่าสุดนี้ เป็นการแสดงถึงลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ตามตำนานของเทพ 'กอร์กอน' มีงูเลื้อยไปมาเต็มอยู่บนศรีษะ ซึ่งรูปลักษณ์เช่นนี้เป็นผลจากการโดนสาปนั่นเอง

แชปเตอร์ที่ 15 ของ AKE AKE ที่ใช้ชื่อว่า The Gift of The Gorgon

สัญลักษณ์อันโดดเด่นที่ปรากฏบนชิ้นงานในตำนานบทนี้จึงประกอบไปด้วยรายละเอียดสำคัญซึ่งเป็นที่มาของแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็น 'The Fangs' อาวุธศักดิ์ศิทธิ์ที่อาบยาพิษทรงอานุภาพร้ายแรงสำหรับกำจัดศัตรู 'The Scales' ลายเกล็ดที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ AKE AKE ฝังลงบนผิวของอสรพิษ และ 'The Serpents' ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวของเทพกอร์กอนที่เคลื่อนตัวด้วยการเลื้อย ผลลัพธ์ที่ได้จึงกลายเป็นเครื่องประดับเงินแท้ทำมือที่ให้ความรู้สึกดุดันขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งยังดูหรูหราด้วยการใช้เทคนิกการผลิตแบบพิเศษ อาทิการขัดเงาพร้อมลงดำขับลาย การชุบทองชมพูบริสุทธิ และทองคำแท้ 24 กะรัต ควบคู่กับการประดับคริสตัล

แหวน The Gorgon Fangs Ring ที่มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สี

ชิ้นงานในแชปเตอร์ล่าสุดนี้ที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวและห้ามใจไม่ให้คว้าไว้ไม่ได้ ขอยกให้กับ 'The Gorgon Fangs Ring' เป็นแหวนรูปศรีษะอสรพิษมีให้เลือกด้วยกัน 4 สี คือแบบเงินแท้ขัดเงาพิเศษพร้อมลงดำขับลาย (4,900 บาท) แบบชุบทองชมพูบริสุทธิ ชุบทองคำแท้ 24 กะรัตประดับคริสตัลสีเขียวที่ดวงตา ส่วนเขี้ยวลงยาสีขาว (7,500 บาท) และแบบชุบโรเดียมดำ ประดับพลอยคริสตัลแดงที่ดวงตา ส่วนเขี้ยวลงยาสีดำ (6,000 บาท) ทั้งหมดเข้าคู่กับแหวนเกลียวรูปอสรพิษพันรอบนิ้ว ทั้งเดี่ยวและคู่ (4,500 - 8,500 บาท) ถ้าหากนำมาสวมคู่กันก็จะยิ่งเพิ่มความดุดันและเฟียซเข้าไปอีก แต่! สำหรับใครที่อยากได้ต้องแจ้งให้ทราบว่าชิ้นงานทั้งหมดที่กล่าวถึงผลิตออกมาในจำนวนจำกัด ดังนั้นจึงอยากให้รีบพุ่งตรงไปยังร้าน AKE AKE ชั้น 1 ศูนย์การค้า Siam Center เพื่อสัมผัสความงดงามได้ด้วยตาของตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจครอบครอง หรือหากมีข้อมูลอื่นๆที่ต้องการทราบเพิ่มเติม โทรไปสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 02-251-4922 ครับ

การเก็บน้ำหอมในตู้เย็น

วันนี้หลังจากจัดตู้เย็นเก็บเครื่องสำอางและน้ำหอมกลิ่นโปรดเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่นหาของกินอร่อยๆรับประทาน โดยหนึ่งในบทสนทนาบนโต๊ะทานข่าวว่าด้วยเรื่อง "ควรเก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็นหรือไม่"? ส่วนตัวเก็บน้ำหอมกลิ่นที่ใช้ประจำไว้ในตู้เย็นมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งอยากบอกว่าสามารถประคองกลิ่นเอาไว้ให้ไม่เพี้ยนได้ยาวนานหลายปี แต่! บางคนก็อาจเคยได้ยินว่า "ห้ามเก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็น" ให้เก็บไว้ในอุณหภูมิปรกติที่แสงแดดส่องไม่ถึงเท่านั้นพอ ที่เป็นเช่นนี้เพราะหากเราเก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็นแล้วก็ควรเก็บให้ตลอด เมื่อน้ำออกมาใช้แล้วให้รีบเก็บไว้ตามเดิม เพราะหากนำออกมาแล้ววางไว้ที่อุณหภูมิสูง การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว หรืออุณหภูมิมีขึ้นๆลงๆนั้น ส่งผลต่อน้ำหอมแน่ๆ ยิ่งหากมีไอน้ำเกิดขึ้นด้านในขวดด้วยแล้วน้ำเหล่านั้นจะทำปฏิกิริยาโดยตรงกับตัวน้ำหอม และกลิ่นอาจเพี้ยนเร็วกว่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง

"Made in Thailand"

เรื่องราวของคุณค่าในงานหัตถศิลป์ของคนไทยที่ไปโดนใจแบรนด์ใหญ่ระดับ Saint Laurent  ทำให้เครื่องประดับชิ้นเด่นหลายชิ้นในคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2019 นี้ทำในประเทศไทยโชว์คำว่า Made in Thailand ให้เห็นกันจะๆ ส่วนแบรนด์เครื่องประดับของไทยอย่าง AKE AKE ก็มีบริการเสริมคัสตอมเซอร์ซิสใหม่ออกมาเอาใจแฟนคลับ

Giambattista Valli x H&M

รายชื่อดีไซเนอร์รายล่าสุดที่จะร่วมงานกับคอลเล็กชั่นพิเศษของ H&M เผยโฉมออกมาแล้ว นั่นคือเจ้าพ่อกูตูร์ Giambattista Valli แล้วเจอกันวันที่ 7 Nov 2019

Dior x Hajime Sorayama Pre-Fall 2019

ขอให้เสื้อตัวนี้ของ Dior Men จากคอลเล็กชั่น Pre-Fall 2019 ที่เป็นการร่วมงานกับศิลปินคนโปรด 'Hajime Sorayama' เป็นหนึ่งใน 'Must-Have' ประจำฤดูกาล ซึ่งเชื่อว่าไม่เพียงแต่แฟนคลับของ Dior เท่านั้นที่ชอบ แต่แฟนคลับของคุณลุง Hajime (เช่นผู้เขียน) ก็คงอยากได้ Sexy Robot ที่มาในเวอร์ชั่นล่าสุดสำหรับดิออร์ตัวนี้ด้วยเช่นกัน 

Paris Men's Fashion Week S/S 2020 : Schedule

เผลอแปปเดียวโลกแฟชั่นก็กำลังจะเข้าฤดูกาลใหม่ และเตรียมบอกลาทศวรรษที่ 2010s เพื่อเข้าสู่ทศวรรษที่ 2020s ในเดือนหน้า

Paris Men's Fashion Week Spring/Summer 2020, Schedule

The new Dior 30 Montaigne : Savoir-Faire

Madonna - Like A Prayer Live at the Eurovison 2019

HALSTON (2019)

ภาพยนตร์สารคดีที่น่าดูอีกหนึ่งเรื่องในปีนี้ขอยกให้ 'Halston' เรื่องราวของ Roy Halston Frowick ราชาแฟชั่นแห่งยุค 70s ที่สามารถมัดใจหญิงสาวชาวดิสโก้ทั่วโลกและมีอิทธิพลต่อนักออกแบบยุคหลังอย่าง Tom Ford ที่นำเสนอผลงานโดยได้แรงบันดาลใจจากงานเก่าของ Halston อยู่บ่อยครั้ง ในต่างประเทศจะเริ่มฉายตั้งแต่ May 24 นี้เป็นต้นไป

R.I.P. Ieoh Ming Pei

วันนี้วงการสถาปนิกได้สูญเสียบุคคลสำคัญไปอีกหนึ่ง 'ไอ. เอ็ม. เพ' สถาปนิกรุ่นใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังสถาปัตยกรรมสวยๆมากมายเสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 102 ปี ความเศร้าคือเค้ามาเสียชีวิตในช่วงเวลาที่ พิรามิดลูฟว์ (Louvre Pyramid) หนึ่งในงานชิ้นโบว์แดงกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง 30 ปี ทางบล็อกขอไว้อาลัยแก่คนสร้างสรรค์ตัวจริงผู้นี้ครับ

Ieoh Ming Pei

(26 April 1917 - 16 May 2019)

Praya Lundberg in Versace 'That Dress'

หนึ่งในชุดที่ชอบมากที่สุดจากงานเทศกาลภาพยนตร์เมือง 'Cannes' เมื่อวานนี้คือชุดสั่งตัดพิเศษที่นักแสดงสาวชาวไทย 'ปู ไปรยา' สวมไปร่วมงาน เป็นชุดราตรีสีแดงตกแต่งเข็มกลัดซ่อนปลายสีทองของ Atelier Versace รูปแบบเดียวกับที่ Elizabeth Hurley สวมไปรอบพรีเมียร์ของภาพยนตร์เรื่อง Four Weddings and A Funeral ปี 1994 ถือเป็นการฉลอง 25 ปีของชุด Iconic บนพรมแดงงานระดับโลกได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว

Madame X is inspired by Joan of Arc

Madame X หรือราชินีเพลงป็อป Madonna โหมกระแสโปรโมทผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่คอแฟชั่นจับตาคือบรรดาคอสตูมที่เธอใส่ในช่วงเวลานี้ เพราะอาจเป็นการบอกไบ้ได้ว่าใครคือผู้ที่จะมาออกแบบคอสตูมหลักสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตที่กำลังจะมีขึ้น อย่างล่าสุดที่เป็นชุดซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Joan of Arc ผลงานโดยนักออกแบบคู่บุญ Jean Paul Gaultier ที่ร่วมกันสร้างลุคระดับตำนานเช่น Cone Bra ของเธอมาตลอดเกือบ 30 ปี

Tom Ford '002'

หลังจากนาฬิกา Tom Ford รุ่นแรก '001' ที่ทำกับ Bedrock (เจ้าของ Shinola) ประสบความสำเร็จ จึงมีรุ่นสองตามออกมาในชื่อว่า '002' แต่ที่ถูกใจเป็นพิเศษคือในคราวนี้มีสาย Nato (สายไนลอน) ออกมาขายแยกให้ได้เปลี่ยนกันด้วย

Mad Max : Fury Road หนังดีที่สุดในยุค 2010s

ต่อเนื่องจากกระแสงาน MET Gala 2019 ที่ธีมในปีนี้คือ Camp : Notes on Fashion เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ทางบล็อกเคยลงเอาไว้ว่าเว็บไซต์ Vogue Runway ได้นำรูปผลงานเก่าของ 'Jean Paul Gaultier' คอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 1995 มาลงเพื่อต้อนรับกระแสแคมป์ ซึ่งภาพรวมของผลงานคอลเล็กชั่นนี้อาจทำให้นึกถึงอีกหนึ่งผลงานจากนักออกแบบคนดัง Alexander McQueen คอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 1997 เพราะทั้งคู่ได้แรงบันดาลใจหลักมาจากภาพยนตร์เรื่อง Mad Max ในยุค 80s แต่ของฌอง-ปอล โกลติเยร์นั้นนำไปเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องศาสนาและความหวั่นวิตกเมื่อโลกต้องเผชิญกับวิกฤต Y2K เมื่อก้าวเท้าแตะศตวรรษที่ 21

แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันก็ได้ทราบว่า Mad Max เวอร์ชั่นปี 2015 'Fuly Road' ที่สานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของ Mad Max จากปี 1979,1981 และ 1985 ได้รับการโหวตให้เป็น 'หนังที่ดีที่สุดในทศวรรษที่ 2010s' โดยผู้ที่มอบตำแหน่งนี้ให้คือ World of Reel จากการชักชวนให้นักวิจารณ์ นักวิชาการ ผู้คัดเลือกหนังฉายเทศกาล คนทำหนัง และผู้จัดจำหน่ายหนังกว่า 250 คนมาร่วมโหวตหาหนังที่ดีที่สุดของยุคนี้ โดยให้แต่ละคนส่งกันมา 5 รายชื่อและผลปรากฏว่า Fury Road ติดโผมากที่สุด คือราว 1 ใน 4 ของรายชื่อหนังที่ส่งมาทั้งหมด

Jean Paul Gaultier Fall/Winter 1995

Alexander McQueen Fall/Winter 1997

I Speak My Truth in #MYCALVINS ft. Shawn Mendes

Madame X in Burberry by Riccardo Tisci

เห็นรูปล่าสุดของราชินีเพลงป็อป 'Madonna' สวมคอสตูมที่เป็นผลงานของ Burberry by Riccardo Tisci ล่าสุดแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า Riccardo Tisci จะมาเป็นหนึ่งในคนทำคอสตูมหลักสำหรับทัวร์คอนเสิร์ต Madame X ก็เป็นได้ ถ้าจริงก็ถือเป็นการกลับมาทำคอสตูมสำหรับมาดอนน่าอีกครั้ง หลังจากที่เคยทำให้ในปี 2009 กับ Sticky & Sweet Tour

Off-White™ Crowned World's Hottest Brand for Q1 2019

แบรนด์สตรีทสุดฮิป Off-White ขึ้นแท่นแบรนด์ร้อนแรงที่สุดประจำไตรมาสแรกของปี 2019 จากการจัดอันดับโดยทาง Lyst Index

There's Something About 'Camp'

#Flashback Jean Paul Gaultier S/S 1997

งาน MET Gala 2019 ที่จะมีขึ้นช่วงเช้าของวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม (ตามเวลาประเทศไทย) คงมีผลงานของ 'Jean Paul Gaultier' จัดแสดงอยู่มากมายหลายชิ้น เพราะหลังจากที่เว็บไซต์ Vogue Runway นำรูปคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 1995 มาลงไว้เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดยังได้ลงรูปคอลเล็กชั่นของ 'ฌอง-ปอล โกลติเยร์' เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องรับกระแส 'Camp' ซึ่งเป็นธีมของงานปีนี้ โดยคอลเล็กชั่นล่าสุดที่ทางเว็บไซต์เพิ่งลงไปคือคอลเล็กชั่นฤดูร้อนปี 1997 ที่ถือเป็นงานฉลอง 20 ปีการก่อตั้งแบรนด์ Jean Paul Gaultier

นอกจากรูปที่โพสต์ไว้แล้ว อยากให้ลองชมคลิปที่แนบมาด้วย เพราะคอลเล็กชั่นนี้เน้นงานเทคนิกที่อิงศิลปะลวงตาเชิง 3 มิติ หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม 'Trompe l’oeil' (ทรอม พลุยส์) ถือเป็นหนึ่งในเทคนิกเด่นที่ฌอง-ปอลทำมาตลอดตั้งแต่ที่มีแบรนด์ของตัวเอง และส่งต่อเทคนิกนี้ไปยังอดีตผู้ช่วยคนสำคัญที่ชื่อ Martin Margiela โดยการสร้างภาพลวงตาของฌอง-ปอลในคอลเล็กชั่นนี้มีให้เห็นตั้งแต่การทำจั๊มสูทที่เลเยอร์ด้านหน้าเป็นแจ็กเก็ต เชิ้ต และกางเกง แต่ผู้ชมจะรู้ได้ว่าเป็นชุดเดียวกันก็ต่อเมื่อนางแบบเกือบทั้งหมดหันหลังและปลดออก รวมทั้งการสร้างภาพลวงตาด้วยงานพิมพ์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของ Jean Paul Gaultier แต่สำคัญที่สุดคือ นี่เป็นคอลเล็กชั่นที่เน้น "งานขาย" โดยของขายชิ้นสำคัญอยู่ในส่วนของแว่นตา คอสตูมจิวเวลรี่ และชุดชั้นใน โดยเฉพาะกับเข็มกลัดตกแต่ง (Pin Badge) ที่เมื่อก่อนถือเป็นของทำกำไรในยุค 90s แบรนด์ดังๆนิยมทำกันออกมาเพราะต้นทุนน้อย ส่วนของใครจะดีหรือไม่ดีก็ดูกันที่เทคโนโลยีการพิมพ์อย่างของ Jean Paul Gaultier สีสันชัดสดใสเหมือนเพชรลอยออกมาจริงๆ ซึ่งการติดเข็มกลัดตกแต่งชุดลักษณะนี้มียังให้เห็นในปี 2019 จาก Raf Simons ด้วยเช่นกัน

ELLE Thailand, May 2019

นิตยสาร ELLE Thailand, May 2019 หน้าปกพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ข้างในจะได้พบ 10 หน้าเต็มๆเกี่ยวกับเรื่องของ 'Camp' ที่สุดของสไตล์ที่มาแรงในช่วงปลายยุค 2010s และเพื่อเป็นการต้อนรับงาน MET Gala ที่มาพร้อมธีม Camp : Notes on Fashion ในวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้ (เช้าวันอังคารที่ 7 ตามเวลาประเทศไทย)

Jean-Paul Gaultier Fall 1995

เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Vogue Runway ได้ไปขุดภาพในสต็อกนำคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 1995 ของ Jean Paul Gaultier มาลงเพื่อต้อนรับงาน Met Gala ที่จะมีในวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้ (เช้าวันอังคารที่ 7 ตามเวลาประเทศไทย) กับธีม Camp : Notes on Fashion ซึ่งไม่แปลกใจเลยถ้าคนแฟชั่นจะบอกว่า 'ฌอง-ปอล โกลติเยร์' คือหนึ่งในราชาแห่งสไตล์ 'Camp' ที่แท้จริง เพราะไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ไม่ตรงเพศชาย-หญิง หรือการนำสไตล์ลิ่งแปลกประหลาดๆมาใช้กับผลงานเพื่อเรียกร้องความสนใจให้คนหันมามองสารที่ต้องการสื่ออกไป กูตูริเยร์รุ่นใหญ่คนนี้คือหนึ่งในคนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จที่สุด

ถ้าดูรูปที่ลงไว้แบบผ่านๆตา เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 1997 ของ Alexander McQueen นั่นเพราะทั้งคู่ใช้แรงบันดาลใจเดียวกันคือภาพยนตร์เรื่องดัง 'Mad Max' แต่ในขณะที่แบรนด์ 'อเล็กซานเดอร์ แม็คควีนได้โฟกัสไปที่ความดุร้ายจากสไตล์ลิ่งของตัวละคร แต่ฌอง-ปอล โกลติเยร์ได้นำมาเชื่อมโยงกับความวิตกในกระแส Y2K ที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อโลกก้าวเท้าแตะยุค 2000s ความศรัทธาในเรื่องศาสนาจากการตั้งคำถามว่า "ศาสนาจะเสื่อมลงหรือไม่ในโลกศตวรรษใหม่" และที่สำคัญคือคอลเล็กชั่นนี้มีการสอดแทรกลุคของไลน์รองที่ชื่อ "JPG" เป็นลายพิมพ์รูปราชินีเพลงป็อป Madonna สวมโคนบรา (ยกทรงกรวยแหลม) แบบที่เธอใส่ในคอนเสิร์ต Blond Ambition กำลังต่อสู่กับเชื้อไวรัส โดยตั้งชื่อคอลเล็กชั่นลายพิมพ์นี้ว่า 'Virus Man' เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือโครงการเกี่ยวกับผู้ป่วยติดเชื้อ HIV