Versus Versace Fall/Winter 2018

ดูเหมือนว่าใครๆก็หนีมา Paris! รวมทั้ง Versus Versace ไลน์น้องสาวของ Versace ที่ขอมาจัดพรีเซนเทชั่น และปล่อยลุคบุคออกมาช่วง Paris Fashion Week Fall/Winter 2018 บอกเลยว่ารักคอลเล็กชั่นนี้มาก เป็นการเอาลายตารางจากคอลเล็กชั่นฤดูหนาว 1995 กลับมาปัดฝุ่นใหม่ได้ "จ๊าบ" (ต้องขอใช้ศัพท์ยุคนั้น)สุดๆ 

Versus Versace Fall/Winter 2018

นอกจากคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสวยๆแล้วในส่วนของ Accessories ทั้ง Visor, หมวก, เข็มขัด และรองเท้านั้นก็ถูกใจมากๆ โดยเฉพาะกับรองเท้า sock shoes ของผู้ชายที่ออกมาขานรับกระแสรองเท้าแนวนี้ที่ยังคงเทรนดี้ไปอีกสักระยะอย่างแน่นอน

Versus Versace Fall/Winter 1995

Saint Laurent Fall/Winter 2018

Saint Laurent ฤดูกาลล่าสุดดูเป็น Hedi Slimane มากๆ คือไม่ใช่แค่มู้ดโดยรวมทั้งเสื้อผ้า และรันเวย์ แต่ในฝั่ง Menswear ยังมีลาย 'น้องแมว' ที่เคยฮอตฮิตจากยุค Hedi ด้วย ผลงานของ Anthony Vaccarello พีคขึ้นทุกซีซั่น ยิ่งตอนนี้สัปดาห์แฟชั่นทั้ง NY, London, Milan บอกไว้ว่ากระแส 80s มาแน่ๆจึงยิ่งเข้าทาง Anthony สุดๆ แต่ที่น่าสังเกตุคือ ในฤดูกาลนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่โครงเสื้อโอเวอร์ไซส์ใหญ่ยักษ์แบบ 80s เท่านั้น ยังย้อนกลับไปไกลมากถึง 60s และย้อนกลับไปใกล้ๆในปี 2000 เพราะก่อนหน้านั้น 10 ชม. Anthony โพสรูปคอลเล็กชั่น YSL Haute Couture ฤดูหนาว 2000 ผลงานออกแบบของมงซิเออร์ Saint Laurent เอาไว้บน instagram แล้วท้ายที่สุดหลายชิ้นจากคอลเล็กชั่นนั้นก็ถูกปรับทอนให้ร่วมสมัยแล้วมาปรากฏในคอลเล็กชั่น Ready-to-Wear ผลงานล่าสุดนี้ด้วยเช่นกัน

YSL Haute Couture Fall 2000 and Saint Laurent Fall 2018

YSL Haute Couture Fall 2000 and Saint Laurent Fall 2018

Saint Laurent Men Fall 2018

Saint Laurent Men Fall 2018

Saint Laurent Cat Prints

การกลับมาของ Dior Saddle Bag 'IT-Bag' ในตำนาน ที่ Paris Fashion Week Fall/Winter 2018

ไหนๆ 'Maria Grazia Chiuri' ก็ยังคงยืนหยัดในเรื่องของ 'พลังหญิง' โดยการเป็นตัวตั้งตัวตีผลักดันกระแสนี้ให้เกิดขึ้นในโลกแฟชั่นมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง Artistic Director ที่ห้องเสื้อ Dior ดังนั้นจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวประจำปี 2018 ยังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องราวการปฎิวัติ และ 'Women's Right' โดยมีแรงบันดาลใจที่สำคัญมาจากการปฏิวัติครั้งใหญ่ในกรุงปารีส เดือนพฤษภาคม ปี 1968 จากจุดเริ่มต้นของการปฏิวิติทางอุดมคติ ก่อเกิดกลายเป็นการจราจล หรือที่คนรู้จักกันในนาม 'Mai 1968' แล้วในปี 2018 นี้ก็ครบรอบ 50 ปีของเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติซึ่งคนรุ่นหลังยกให้เป็น "การเปลี่ยนโลก"

เหตุการณ์ Paris Mai 1968

หากใครที่อยากทราบที่มาที่ไปของเหตุการณ์ 'Mai 1968' ก็สามารถอ่านได้จากลิงค์ที่แปะไว้ข้างบน หรือสามารถลองเสิร์ชหาข้อมูลต่างๆได้บนโลกอินเตอร์เน็ทแล้วจะเห็นว่าทำไมมาดาม Chiuri ยังคงหลงไหลในช่วงทศวรรษที่ 60s - 70s เพราะหากตัดเรื่องเหตุการณ์สำคัญครั้งนั้นออกไปเอาแค่เรื่องการแต่งกายที่เห็นในหน้าข่าวแต่ละรูปๆก็ดูน่าพิศมัยมากๆ ดังเช่นที่เห็นในคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2018 ของ Dior ซึ่งเหมือนพาย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นทั้งชิ้นงาน และการสไตล์ลิ่ง ซึ่งหากถามความรู้สึกส่วนตัวจริงๆแล้ว ในส่วนของเสื้อผ้าก็ไม่ถึงขั้นร้อง "ว้าว!" หรือขนาดต้องอุทาน "Bravo!" ดังๆ แต่ที่ครั้งนี้ต้องขอยืนปรบมือให้คือในส่วนของ Accessories ทั้งหมวก แว่นตาเลนส์สี เข็มขัด และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือการกลับมาของ 'Saddle Bag' กระเป๋าอานม้าใบโปรดในยุค Dior by John Galliano หนึ่งใน 'IT-Bag' ที่ออกมาต้อนรับศตวรรษที่ 21 

กระเป๋าหนังของ Dior รุ่น Saddle Bag ที่โชว์ Fall/Winter 2018 ล่าสุด

2 ลุคเด่นที่ชอบเป็นการส่วนตัว โดยเฉพาะกับหมวกและแว่นตา

กระเป๋าอานม้าทอลายโลโก้จากคอลเล็กชั่น Fall 2018

กระเป๋าหนังสีน้ำตาลของ Dior รุ่นอานม้าจากคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2001

Hands-On SAMSUNG Galaxy S9 / S9+

ราคา และวันวางจำหน่าย Samsung Galaxy S9 / S9+

GIANNI VERSACE Couture Logo

แอบดีใจที่ได้เห็นโลโก้ในตำนานของ Gianni Versace Couture ช่วงปลายยุค 80s - 90s กลับมาใหม่ในคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2018 ของ Versace นอกจากเป็นการเข้าร่วมกระแส Logomania ที่ยังคงร้อนแรงแล้ว ยังเป็นการเอาใจแฟนคลับรุ่นใหญ่ของห้องเสื้อที่อาจคิดถึงโลโก้ในตำนานไปด้วยในตัว คงกลายเป็นชิ้น Must-Have ประจำซีซั่นแน่นอน

Back to 80s 'Reebok' #AlwaysClassic

หลังจากที่อยู่กับกระแสแฟชั่นจากช่วงยุค 90s มานาน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรากำลังจะย้อนกลับไปไกลขึ้นอีกหน่อย คือย้อนกลับไปในยุค 80s กันเลย ไม่ใช่แค่งานสัปดาห์แฟชั่นจาก New York, London, Milan (และเชื่อว่า Paris ที่กำลังจะตามมา) ฤดูกาลล่าสุดที่ทุบโต๊ะว่า "80s กลับมาแน่" แต่แบรนด์กีฬาหลายแบรนด์ก็เริ่มเอาโมเดลในยุค 80s กลับมาปัดฝุ่นใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแบรนด์ขวัญใจคนแฟชั่นทุกยุคสมัย Reebok นั่นเอง 

ในช่วงฤดูร้อนปี 2018 นี้ Reebok เปิดตัวแคมเปญ Always Classic พร้อมทั้งแนะนำรองเท้า 4 รุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ทั้ง Workout Plus, Club C, Classic Leather, Freestyle Hi ทั้ง 4 รุ่นที่เป็น unisex สไตล์สวมใส่ได้ทั้งชาย-หญิงนี้ เคยได้รับความนิยมอย่างสูงสุดมาแล้วในช่วงทศวรรษที่ 80s และในเมื่อกระแสของแฟชั่นในช่วงเวลานั้นกลับมาอีกครั้ง รองเท้าของ Reebok ทั้ง 4 รุ่นจึงตอบโจทย์คนที่ชอบทั้งความคลาสสิก ร่วมสมัย และยังเทรนดี้สอดรับกับกระแสแฟชั่นโลกที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน

'Classic Leather' รองเท้าที่เปิดตัวในปี 1983 ถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดรับกับกระแสสตรีทแฟชั่น ตัวรองเท้าผ้าใบใช้หนังวัวแท้เกรดพรีเมี่ยมมาผลิตเป็นหน้าผ้า ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเด็ดจากยุค 80s สู่ 'สายสตรีท' ในรุ่นปัจจุบันอย่างแท้จริง

'Workout Plus' รองเท้าที่ผลิตขึ้นมาในปี 1984 ก่อนปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ในปี 1987 จนได้เป็นรองเท้าเอนกประสงค์ที่ใส่ไปยิมก็ได้ และเข้าได้กับการแต่งตัวหลายสไตล์ เอกลักษณ์อยู่ตรงที่ Hi Strap ซึ่งทำให้รองเท้ารุ่นนี้กลายเป็นอีกหนึ่งในตำนาน

'Club C' รองเท้าที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1985 โดยใช้ชื่อว่า 'Club C Classic' (ตัว C นั้นย่อมาจาก Champion) ถือกำเนิดมาจากรองเท้ากีฬาประเภทคอร์ท แต่ด้วยเส้นสายที่ดูล้ำในช่วงเวลานั้น จึงกลายมาเป็นไอเท็มเด็ดของผู้ชื่นชอบ streetwear

'Freestyle Hi' รองเท้าที่เกิดมาในปี 1982 โดยแรกเริ่มถูกออกแบบให้เป็นรองเท้าแอโรบิคสำหรับผู้หญิง แต่ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจึงทำให้รองเท้ารุ่นนี้กลายเป็นรองเท้าคู่ใจของแฟชั่นนิสต้า ซึ่งพอจะนิยามได้ว่า "จากพื้นยิม สู่ท้องถนน และไนท์คลับ" นั่นเอง

Rick Owens and His Head in 2009 vs Gucci Men & Women Fall/Winter 2018

แอบเห็นบน instagram แล้วแบบว่าบางทีแฟนคลับเฮียริกก็ปากร้ายเกินไป ฮ่าๆ ... ถึงแม้การที่นายแบบ-นางแบบของ Gucci เดินถือหัวออกมาในโชว์ล่าสุดอาจทำให้นึกถึงรูปคลาสสิกของ Rick Owens แต่คิดว่า Alessandro Michele คงไม่ได้เลียนแบบ หรือนึกถึงอะไรเกี่ยวกับเฮียริกอุ้มหัว หนึ่งในรูปเด่นของเฮียรูปนี้หรอก

รูป Rick Owens อุ้มหัวตัวเองรูปนี้ถูกถ่ายขึ้นในปี 2009 โดยสื่อบางเจ้าบอกเอาไว้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากรูปปั้น Saint Denis ที่อาสนวิหาร Notre-Dame อันโด่งดังในกรุงปารีส ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ตัว Rick Owens โปรดปราน อาจเพราะความหลอนของรูปปั้นบวกด้วยสถาปัตยกรรม Gothic อันงดงาม ปัจจุบันหัวชิ้นนี้โชว์เด่นเป็นสง่าอยู่ที่ร้าน Rick Owens ใน London รอให้สาวกไปสักการะบูชาได้ทุกเมื่อ

Rick Owens and His Head (Statue) in 2009

Gucci Men and Women Fall 2018

Louis Vuitton 'Archlight' Pre-Fall 2018

Louis Vuitton 

Archlight Sneakers Pre-Fall 2018

ในขณะที่ สนีกเกอร์ของ Louis Vuitton รุ่น 'Archlight' สำหรับฤดูร้อนปี 2018 ยังไม่วางขายในเมืองไทย แต่ทางแบรนด์ก็เปิดตัวรองเท้ารุ่น Archlight คู่ใหม่สำหรับ Pre-Fall 2018 ที่จะวางขายช่วงปลายปีเป็นที่เรียบร้อย ความต่างจากคู่สำหรับฤดูร้อนปีนี้คือ นอกจากการจับคู่สีใหม่แล้วยังมาพร้อมถุงเท้าสีเข้ากันด้วยในตัว

7 สุดยอดคอลเล็กชั่นใน London Fashion Week ฤดูกาล Fall/Winter 2018

"7 สุดยอดคอลเล็กชั่น" จากงานสัปดาห์แฟชั่นของ London หากโดนใจใครก็คงรู้สึกเห็นด้วย แต่หากไม่ตรงใจใครก็อาจดูน่าหมั่นไส้และตั้งคำถามในใจว่า "นี่คือสุดยอดแล้วหรอ?" การยกยอและเชิดชูคอลเล็กชั่นเหล่านี้เกิดจากความชื่นชอบโดยวัดจากรสนิยมและประสบการณ์ร่วมของผู้เขียน ดังนั้นหากใครรู้สึกไม่โดนใจ รู้สึกว่าไม่ใช่ เราก็คงไม่ว่ากัน แต่ทั้ง 7 คอลเล็กชั่นที่เลือกมาคราวนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่า "ใช่" ตรงตามที่โปรยหัวเอาไว้จริงๆ

ฤดูกาลล่าสุดนี้ทำให้เห็นว่า London ยังคงครองแชมป์เรื่องการผสมผสานและการบาลานซ์ระหว่างแนวคิดการสร้างงานคอนเซ็ปชวล และการตลาดได้อย่างแยบยล ผลงานของหลายห้องเสื้อหลากดีไซเนอร์ดูเป็นเอกลักษณ์และสามารถหาเจอได้จากนักออกแบบในเมืองนี้เท่านั้น ซึ่งนี่ดูเหมือนว่าแฟชั่นวีคของเมืองผู้ดีเริ่มเป็นที่สนใจขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ซบเซาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 7 คอลเล็กชั่นข้างล่างนี้ทำให้ London Fashion Week ฤดูกาล Fall/Winter 2018 ได้กลายเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดของงานแฟชั่นวีคประจำซีซั่นล่าสุด

Gareth Pugh 

Fall/Winter 2018

ใครจะไปคิดว่านักออกแบบสายดรามาติกที่สร้างสรรค์ชิ้นงานแนวคอนเซ็ปชวล-อาร์ตอย่าง Gareth Pugh จะสามารถอิงเทรนด์ล่าสุดอย่างกลิ่นอายของแฟชั่นจากในช่วงทศวรรษที่ 80s ทั้งโครงเสื้อ Power Suit, ลายเสือซึ่งเหมือนทริบิวท์ให้ปรมาจารย์ Azzedine Alaia, ความกบฏ และความเชื่อเรื่องศาสนาออกมาลงตัวสุดๆ แม้ชิ้นขายของ Pugh อาจใส่ไม่ง่ายในชีวิตจริง แต่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงของ Pugh ไม่ได้ดูเพ้อฝันและหลุดโลกเสมอไป

Chalayan

Fall/Winter 2018

หลังจาก Hussein Chalayan ตัดสินใจเบนเข็มทิศทางของแบรนด์ พร้อมทั้งตัดชื่อต้นออกเหลือไว้เพียงแค่ 'Chalayan' มาตั้งแต่ปี 2010 จนถึงฤดูกาลล่าสุดนี้ เป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ Chalayan แสดงให้เห็นว่าแม้ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสาวจากโลก Sci-Fi ด้วยเสื้อยืดหดได้ ชุดยิงเลเซอร์ และวัสดุที่อาจดูประหลาด แต่การทำชุดด้วยแพตเทิร์นมหัศจรรย์ให้ดูเฉพาะทาง ควบคู่การตกแต่งฮาร์ดแวร์โลหะ และ "Fur เทียม" ก็ทำให้ 'ล้ำ' ได้ไม่แพ้กัน 

Mary Katrantzou

Fall/Winter 2018

อีกหนึ่งห้องเสื้อที่ทำงานหรูเทียบเท่ากูตูร์ในฝั่งปารีสขกยกให้แก่ Mary Katrantzou ที่ในฤดูกาลนี้ทำให้นึกถึงคอลเล็กชั่นของ Louis Vuitton ฤดูร้อนปี 2018 ซึ่งนำความงามของโลก อดีต ปัจจุบัน และอนาคตมาหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน แม้เป็นแบรนด์ที่สันทัดในเรื่องของงานพิมพ์ลาย แต่หลายฤดูกาลที่ผ่านมา Katrantzou แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างมิติของลวดลายได้อีกหลายวิธีเช่นดีเทลงานปัก ทอ ปั๊มจม และการแพทเวิร์คลวงตา

Delpozo

Fall/Winter 2018

ไม้ว่าจะจัดโชว์ใน New York หรือย้ายมาจัดใน London แบรนด์(โชว์สกิล)ใหญ่ระดับ Delpozo ซึ่งนำเสนอคอลเล็กชั่นแนว "Pret-a-Couture" ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง จากเรื่องราวการสำรวจโลกของ National Geographic ถูกถ่ายทอดลงบนคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ซึ่งสาวหวานชอบงานดีเทล "ฟรุ้งฟริ้ง" เช่นระบาย ดอกไม้ประดิษฐ์จากผืนผ้า ผืนหนัง เฟอร์สีสวย ลายพิมพ์ และดีเทลระยิบจากเลื่อมหลากสีสันคงตกหลุมรักแน่นอน

Jens Laugesen
Fall/Winter 2018

นักออกแบบบางคนไม่จำเป็นต้องพึ่งโปรดัคชั่นโชว์ขนาดใหญ่ จัดเป็นเพียงพรีเซนเทชั่นให้สื่อและผู้ซื้อได้ชื่นชมผลงานก็สร้างความประทับใจเช่นเดียวกัน Laugesen เป็นหนึ่งในห้องเสื้อที่เคารพรากเหง้าของยุโรปมาแต่ไหนแต่ไร การดึงรายละเอียดจากเครื่องแต่งกายราชวงศ์ชั้นสูงนำมาปรับใช้กับเสื้อผ้าในปัจจุบันให้ดูร่วมสมัย โดยอาศัยพื้นฐานงานเทเลอร์ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของแบรนด์จึงกลายเป็นอีกคอลเล็กชั่นของสาวเท่ที่สุดประจำลอนดอน

MM6

Fall/Winter 2018

แฟนคลับห้องเสื้อ Maison Margiela ที่กำลังโหยหาแฟชั่นโลกแตกและแหกกฏเกณฑ์ในแบบฉบับ 'Martin Margiela' ในช่วงยุค 90s - ต้น 2000s คงกรี๊ดกร๊าดเมื่อได้เห็นคอลเล็กชั่นสีเงินล่าสุดของไลน์รอง MM6 โดยนำเอกลักษณ์ของ Margiela ทั้ง Tinsel, การสร้างผิวสำผัสให้ยับและแตก ชุดบอล Disco ชิ้นไอคอนิกในตำนาน และรองเท้า Tabi มาผสานรวมเข้าด้วยกันในคอลเล็กชั่นเดียวเพื่อคงกลิ่นอายของมาแตง มาร์เจล่าเอาไว้ให้ยังคงอยู่

Central Saint Martins MA

at London Fashion Week F/W 2018

งานจบของนักศึกษาคุ้มค่าที่ได้ดูเสมอ การปลดปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อทิ้งทวนก่อนเข้าไปเจอโลกของธุรกิจในชีวิตจริงนั้นทำให้งานดูสนุกในทุกฤดูกาล

RIP 'Judy Blame'

Alexander McQueen Men S/S 2018 Film

90s อีกสัก(หลายๆ)ครั้ง CK Calvin Klein S/S 2018

กลิ่นอายของแฟชั่นจากช่วงทศวรรษที่ 90s จะยังคงอยู่กับเราไปอีกนาน เพราะพ.ศ.นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีไซเนอร์ซึ่งเติบโตและเริ่มอาชีพในช่วงนั้นมีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่น ทั้งที่เข้ามารับหน้าที่ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของแบรนด์ใหญ่ และดีไซเนอร์หน้าใหม่ที่เพิ่งมีแบรนด์ของตัวเองในเร็วๆนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือ Raf Simons และผลงานล่าสุดของ CK Calvin Klein 

คอลเล็กชั่น Spring/Summer 2018 ของ ของ CK Calvin Klein ดึงกลิ่นอายของ Sportwear ในยุค 90s ช่วงที่ Sporty แฟชั่นกำลังมีอิทธิลไปทั่ววงการ นำมาปัดฝุ่นใหม่ และทำให้ดูร่วมสมัยด้วยการปรับโครงสร้าง  วัสดุ และคู่สี ดังที่เห็นใน Campaign ชิ้นล่าสุดซึ่งสะท้อนถึงนิยาม Timeless (ไร้กาลเวลา) Bold (ห้าวหาญ) และ Subversive (การล้มล้าง)

5 คอลเล็กชั่นที่ช่วยกอบกู้ New York Fashion Week Fall/Winter 2018

ถ้าบอกว่า ยังคงขอเปรียบเทียบงานสัปดาห์แฟชั่นของ New York เป็นเกาเหลาชามใหญ่ที่ใส่ลูกชิ้นรสเลิศ และผักสดๆเคี้ยวอร่อยๆ แต่ก็ไม่เยอะเท่าจำนวนน้ำซุปที่อยู่ในชาม คือซดเล่นๆเพื่อให้ชุ่มคอได้ แต่ถ้าหวังว่าจะเอาแบบเต็มอิ่มก็คงไม่ใช่ เพราะยังคงมีน้ำมากกว่าเนื้อและผักอยู่ดี จะมีใครโกรธไหม? เอาเป็นว่าจะเคืองกันอย่างไรก็แล้วแต่ แต่นี่คือความรู้สึกจริงๆที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อได้ดูรูปของ New York Fashion Week ตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้ การมีจำนวนโชว์มากเข้าไว้ไม่ได้หมายความว่าสัปดาห์แฟชั่นเมืองนั้นจะยิ่งใหญ่ แต่อาจหมายถึงการพยายามหานักออกแบบหน้าใหม่เพื่อผลักดัน และประคองสถานะของ "เมืองแฟชั่น" เอาไว้ก่อนที่อาจกลายเป็นแค่ทางผ่าน หรืออาจกลายเป็นที่ลงหลักปักฐานของบางแบรนด์ก็ได้ "ถ้าประสบความสำเร็จ" ซึ่งก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่ามนต์เสน่ห์ของ NYFW ที่พีคสุดช่วง 90s นั้นจางหายไปแล้วจริงๆหรือไม่?

 5 คอลเล็กชั่นที่ชอบอาจฟังดูน้อยไป เมื่อเทียบกับว่านี่คือสัปดาห์แฟชั่นเมืองใหญ่ระดับ New York แต่ทั้ง 5 คอลเล็กชั่นนี้ เป็น 5 คอลเล็กชั่นที่ชอบและส่วนตัวคิดว่ามาช่วยกอบกู้ความน่าสนใจของ NYFW เอาไว้ ส่วนจะ "สวย" ถูกใจคนอื่นๆด้วยหรือไม่นั้นก็คงเป็นเรื่องของ "รสนิยมส่วนตัว" และประสบการณ์ร่วมที่ทำให้เกิดความรู้สึกชอบหรือไม่แตกต่างกันไป

Alexander Wang

Fall/Winter 2018

Alexander Wang ขอทิ้งทวนก่อนจะออกนอกตารางด้วยผลงานที่เห็นแล้วต้องร้อง "Bravo !" พร้อมปรบมือดังสนั่นต่อเนื่องกันหลายนาทีที่อยู่หน้าคอม ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือรายละเอียดของ "ซิป" ซึ่งจริงๆแล้ว Wang ถนัดการตกแต่งชิ้นงานด้วยฮาร์ดแวร์โลหะมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นหมุดโลหะ ห่วงโลหะ และซิปหลากขนาด แต่ในผลงานล่าสุดนี้คืออีกขั้นของการใช้ซิป มีให้เห็นทั้งวงกลม โค้ง และแฉก เมื่อบวกด้วยการนำผืนหนัง Exotic มาสร้างสรรค์ผลงาน กลิ่นอายของโลก Space-Age ทำให้นึกถึง Paco Rabanne และแว่นตาชิ้น iconic ของ Pierre Cardin ด้วยแล้ว ต้องขอปรบมือดังๆเพื่อให้กำลังใจ Wang ต่ออีกสักหลายๆนาที

Victoria Beckham

Fall/Winter 2018

เผลอแปปเดียวแม่สาว "Posh Spice" ขวัญใจ 90s Kid ก็ลอนช์แบรนด์ในนาม 'Victoria Beckham' ออกมาครบหนึ่งทศวรรษในปีนี้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Mrs.Beckham นั้นแสดงให้เห็นว่า เธอคือหนึ่งในผู้หญิงที่มีรสนิยมดีที่สุด แล้วการมีรสนิยมดีเช่นนี้สามารถทำให้เสื้อผ้าของเธอดูน่าสวมใส่ไม่แพ้ผู้หญิงรสนิยมดีในฝั่งอิตาลีเช่น Miuccia Prada และ Donatella Versace ซึ่งทั้ง 3 ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตัดเย็บ ไม่เก่งในเรื่องงานประดิษฐ์ แต่นี่คือตัวอย่างของการออกแบบจากผู้หญิง เพื่อผู้หญิง ทั้งโครงสร้าง สีสัน นั้นน่าจะถูกใจสาวๆครึ่งค่อนโลก แถมฉลาดพอที่จะแย่งชิงแฟนคลับ Celine มา เพราะคงรู้ว่า Celine ยุคใหม่คงเปลี่ยนไปในเร็วๆนี้แน่

Tom Ford

Fall/Winter 2018

ผลงานของ Tom Ford ฤดูกาลนี้ทำให้รู้สึกทั้งชอบ และสะใจไปพร้อมกัน ซึ่ง "สะใจ" ในที่นี้คือความรู้สึกที่ "ใช่ ... Yes ... Oh!" ต้องมีคนทำงานดีเทลแบบนี้โชว์ในสัปดาห์แฟชั่นของ New York เยอะๆสิ ถึงจะดูสูสีกับเมืองใหญ่อื่นๆ แม้ว่างานของ Tom Ford จะไม่ไปไหนไกลเกินยุค 70s - 80s เพราะประทับใจกับช่วงวันเวลาที่ทั้งสนุกสนาน และฟู่ฟ่าอย่างโลกปาร์ตี้ของ 'Studio 54' แต่คอลเล็กชั่นนี้คืออีกครั้งที่ทำให้แฟนคลับของ Tom Ford เดิม ซึ่งชื่นชมผลงาน(สำหรับ Gucci)มาตั้งแต่ช่วง 90s ได้ดี๊ด๊ากันอีกครั้ง หลังจากเห็นดีเทลแบบชัดๆแล้วถึงรู้สึกว่าคงซื้อไม่ได้ แม้แต่ราคาขายหน้าร้านยังไม่กล้าคิด แต่ก็ขอเชียร์ให้แฟชั่นนิสต้าเงินหนา "จัดไป!"

Calvin Klein 205W39NYC
Fall/Winter 2018

ถึงไม่มีเรื่องแรงบันดาลใจมาเป็นตัวกระตุ้นให้ชอบ ไม่ต้องมีพื้นรันเวย์ที่โรยด้วยป๊อปคอร์นมากระตุ้นต่อมหลงรัก ก็บอกได้เลยว่าหลายชิ้นในคอลเล็กชั่นของ Calvin Klein 205W39NYC ล่าสุดนี้ต้องฮอตฮิตแน่ๆ โดยเฉพาะชิ้นที่ใช้แถบ Reflective ตกแต่งเป็นดีเทลอย่างงานเก่าๆของ CK ยุค 90s ซึ่งในฤดูกาลนี้มี 2 แบรนด์ที่นำแถบสะท้อนแสงเช่นเดียวกับชุดปฎิบัติการของพนักงานมาใช้ได้น่าสนใจ คือ Junya Watanabe Man และ Calvin Klein 205W39NYC อย่างน้อยงานดีเทลพวกนี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมในเมือง "สตรีทแฟชั่นจ๋า" อย่างโซลตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แล้วยุคนี้ถ้าอะไรเป็นกระแสในเกาหลี เดี๋ยวก็จะเริ่มระบาดไปประเทศอื่นๆแน่นอน

Marc Jacobs
Fall/Winter 2018

หากวัดจากความชอบส่วนตัว ต้องขอยกให้ผลงานครั้งนี้เป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นของ Marc Jacobs ที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีสมกับเป็นโชว์ใหญ่ปิดท้ายสัปดาห์แฟชั่นของนิวยอร์คฤดูกาลล่าสุดที่ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีจริงๆ ยิ่งใหญ่ในที่นี้คือใหญ่ทั้งแรงบันดาลใจที่นำมาใช้ ใหญ่ทั้งชิ้นงานที่พาแฟชั่นนิสต้ารุ่นคุณพี่จนถึงรุ่นคุณป้าย้อนกลับไปสู่ความรุ่งเรืองของโลกแฟชั่นช่วงทศวรรษที่ 80s แม้โครงเสื้อไหล่ตั้งเอวคอดกลับมาได้รับความนิยม มีหลายแบรนด์นำเสนอตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อ MJ จะทริบิวท์ให้ดีไซเนอร์ระดับตำนานทั้งที power suit คอลเล็กชั่นนี้จึงใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่า เช่นเดียวกับผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ YSL, Ungaro, Montana

AKE AKE และแอปเปิลแห่งความรัก

ในวันแห่งความรักเดือนนี้ต้องขอยกให้ AKE AKE เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใส่ใจในรายละเอียดและการบริการลูกค้าได้น่าประทับใจที่สุด แฟนคลับ AKE AKE คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าของ AKE AKE จะได้รับการบริการอันน่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรก จนถึงบริการหลังการขายซึ่งสามารถนำเครื่องประดับเงินแท้มาขัดให้เงาวับได้ตลอดเวลา หากรู้สึกว่าเครื่องประดับเงินแท้ชิ้นที่ซื้อไปนั้นเริ่มหมองเพราะปฎิกิริยาการออกซิไดซ์ แล้วยังได้ชิมมาการองรสเลิศจากเชฟคนดัง เสิร์ฟคู่ชาอังกฤษกลิ่นหอมรสนุ่มลิ้น เพิ่มความสุนทรีย์ได้เป็นอย่างดี

มาการองที่ใช้แอปเปิลแดงสดธรรมชาติจากอังกฤษเป็นวัตถุดิบหลัก

เสิร์ฟพร้อมชารสชาติกลมกล่อม กลิ่นหอมละมุน

แต่ที่พิเศษสุดในช่วงเดือนแห่งความรักปีนี้คือ AKE AKE นำความเชื่อเรื่องแอปเปิลและความรักจากยุโรปยุคกลางมาผสมผสานกับการบริการลูกค้าคนพิเศษได้อย่างน่าประทับใจ เพราะตามตำนานกรีกโบราณนั้นเชื่อว่า "แอปเปิลแดง" ให้โชคด้าน "ความรัก" ดังนั้นลูกค้าที่ซื้อสินค้าช่วงเดือนนี้ นอกจากได้เครื่องประดับชิ้นสวยไปมอบเป็นของแทนใจให้คนพิเศษแล้ว ยังได้รับประทาน "มาการองสูตรลับเฉพาะ" โดยเลือกแอปเปิลสีแดงสดธรรมชาติจากอังกฤษมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก รสชาติที่กลมกล่อม และกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อรับประทานนั้นแตกต่างจากมารากองอีกหลายๆเจ้าแน่นอน จึงขอบอกจากใจว่าอยากให้ได้ลองสัมผัสประสบการณ์ดีๆแบบนี้ที่ร้าน AKE AKE อีกหนึ่งสถานที่ที่เพิ่มความสุนทรีย์ความของชีวิตได้จริงๆ "Happy Valentine's Day"

แหวนเงินแท้รุ่น Little Motif Holy Star ที่มาในแบบชุบ White Rhodium

และ 24 Karat Gold สำหรับช่วงเทศกาลแห่งความรักปีนี้

เฟอร์นิเจอร์ของ Alexander McQueen

เคยเขียนเคยเขียนเรื่องเฟอร์นิเจอร์ผลงานการออกแบบของ Lee McQueen เอาไว้นานแล้ว แต่ขอเอามาบันทึกใหม่ในวันรำลึกถึงลี แม็คควีนว่า ถ้ามีเงินรวยล้นฟ้าแล้วมีบ้านหลังใหญ่โตก็ยังอยากได้เฟอร์นิเจอร์จาก Alexander McQueen มาประดับในห้องให้ดูหลอนๆ เวลานอนดูหนังสยองขวัญคงได้อารมณ์สุดๆ, Lee McQueen เคยออกแบบเฟอร์นิเจอร์เอาไว้ในปี 2000 โดยเปิดตัวในโชว์คอลเล็กชั่นฤดูร้อนปี 2001 ซึ่งก็คือเก้าอี้ที่นางแบบร่างท้วม สวมใส่หน้ากากให้ออกซิเจนนั่งในกล่องกระจกเหมือนภาพของศิลปิน Joel Peter Witkin ก่อนที่จะนำมาขายเป็นเรื่องเป็นราวพร้อมตู้กระจก และเก้าอี้หัวสัตว์ใน AD Campaign คอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2002 สำหรับในเอเชียยุคนั้น เก้าอี้ตัวนี้มีวางขายที่ร้าน Club21 ประเทศสิงคโปร์ และร้าน Joyce ในเกาะฮ่องกงด้วยราคาค่าตัวที่สูงมากๆ

ซ้าย : Alexander McQueen S/S 2001

ขวา : AD Campaign Fall 2002

งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของ Lee McQueen มีปรากฏให้เห็นอีกครั้งในช่วงปี 2009 เป็นเก้าอี้รูปไข่ หุ้มด้วยผ้าทอลาย houndstooth เพื่อให้เข้ากับคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2009 เก้าอี้ตัวนี้มีจำน่ายที่ร้าน Joyce ในเกาะฮ่องกง ก่อนจะมาเป็นต้นแบบเก้าอี้ในร้าน Alexander McQueen ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยซึ่งปิดไปแล้วด้วย

เก้าอี้รูปไข่ของ Alexander McQueen ในปี 2009

เก้าอี้ร้าน Alexander McQueen ประเทศไทย (2012 -2017)

11 Febuary "McQueen Forever"

Nike R.T. Victorious Minotaurs 2018

สงครามสนีกเกอร์ดูจะร้อนแรงขึ้นทุกปี NikeLab และ Riccardo Tisci อดีตครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของ Givenchy  จึงกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในคอลเล็กชั่น Minotaurs ประจำปี 2018 ที่นอกจากมีแถบสีต่อเนื่องมาจากคอลเล็กชั่นปีที่ผ่านมาแล้ว แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานก็ยังคงเป็นเรื่องของกีฬา Basketball เช่นกัน เพราะอย่างที่แฟนคลับของ Riccardo Tisci ทราบดีว่าดีไซเนอร์คนนี้ชื่นชอบกีฬา Basketball มากขนาดไหน หลังจากเคยฝากผลงานซึ่งอิงกลิ่นอายกีฬาบาสเกตบอลเอาไว้ใน Givenchy Couture Spring 2012 และ Men Fall 2014 ตอนนี้ก็ถึงทีวาดลวดลายอย่างตรงสายได้เต็มที่ในคอลเล็กชั่น Nike R.T. ล่าสุดโดยคอลเล็กชั่น Nike R.T. ประจำปี 2018 จะเริ่มวางขายในอเมริกาเหนือวันที่ 16 กุมภาพันธ์ คอแฟชั่นสายสตรีทที่ยังคงคิดถึงผลงานการออกแบบของ Riccardo Tisci ก็เตรียมตัวจับจองคอลเล็กชั่นนี้กันได้เลย