ในปี 2015 นี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับโลกแฟชั่น รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญๆของโลกที่จะส่งผลโดยตรงต่อระบบแฟชั่นที่จะมีขึ้นในอนาคต ในช่วงครึ่งกลางของทศวรรษที่ 2 ของศตวรรษที่ 21 นี้ถือเป็นอีกปีที่มี่จุดเปลี่ยนผันในโลกของแฟชั่นมากมาย เช่นการโยกย้ายของดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้อใหญ่ นับจากช่วงปลาย 90's ที่เคยเกิดเหตุการณ์เล่นเก้าอี้ดนตรีของดีไซเนอร์มากมายขนาดนี้ หรือแม้แต่วิกฤตการณ์เรื่องของค่าเงินที่เคยส่งผลต่อการลดขนาดของโชว์ให้มีโปรดัคชั่นที่เล็กลง รวมทั้งเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายขึ้นในช่วงปลาย 90's เช่นเดียวกัน ในช่วงปลายปีอย่างนี้ ทาง Opolop Poppy จึงขอรวบรวมเหตุการณ์สำคัญของโลกแฟชั่นในปี 2015 นี้มานำเสนอ 5 สิ่งด้วยกัน และแน่นอนว่า 5 สิ่งที่ว่านั้นจะส่งผลต่อแฟชั่นในอนคตที่จะมีขึ้นในปีหน้า แล้วส่วนตัวก็เชื่อว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกแฟชั่นอีกครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
การปรับเพิ่มและลดลงของราคาสินค้าแฟชั่น
หลังจากค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงตั้งแต่ปีก่อน จนมาช่วงต้นปี 2015 ที่ค่าเงินยูโรตกลงไปแตะที่ 30 กว่าๆ ทำให้สินค้าแฟชั่นหลายๆรายต่างก็ต้องปรับตัวตามด้วยการเพิ่ม และลดราคาสินค้าของตน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบ อย่างเช่น Chanel ที่มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าในส่วนกระเป๋าในฝรั่งเศส และอีกหลายๆประเทศขึ้นอีก เพื่อให้มีราคาใกล้เคียงกันทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันที่ Chanel ในประเทศไทยเอง ก็มีการปรับลดราคาสินค้าลงมา ทำให้บรรดาแฟชั่นนิสต้าแฟนคลับของ Chanel ต่างก็ดีใจกันถ้วนหน้า ซึ่งในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าสินค้าในปีนี้ รวมถึงการที่หลายๆแบรนด์ปรับภาพลักษณ์ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างที่ว่านั้นก็คือ Moschino โดย Jeremy Scott ที่ไม่เพียงทำให้ยอดขายของ Moschino เพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น แต่ Moschino ในทศวรรษนี้ ยังมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับแบรนด์ Moschino เองในช่วงเวลาที่ผ่านๆมา
การกลับมาของกระแสแฟชั่น Androgynous
ในปี 2015 นี้ถือเป็นอีกปีที่กระแสแฟชั่นในรูปแบบของ Androgynous นั้นมาแรงสุดๆ เพราะหลายๆแบรนด์ใหญ่ทั้ง Gucci, Maison Margiela, Saint Laurent และอีกหลายแบรนด์นำทัพทำให้สไตล์กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หรือแม้กระทั้งสินค้าแฟชั่นที่เป็น Unisex สไตล์ใส่ได้ทั้งชาย-หญิง ก็มีให้เห็นมากขึ้นจากหลายปีที่ผ่านมา การนำเสนอเสื้อผ้าผู้หญิง อยู่บนเรือนร่างผู้ชายในแฟชั่นเซ็ท และ AD Campaign มีให้เห็นกันมากขึ้น แน่นอนว่าลุคของหนุ่ม Androgynous นั้นไม่ได้หมายความว่าคนที่สวมใส่อาจต้องเป็นเกย์ แม้บางลุคเท่ๆซึ่งดูเยอะเกินจริงทั้งสำหรับหญิงและชายนั้น ดีไซเนอร์ได้แรงบันดาลใจจากการแต่งตัวของเหล่า Drag Queen ก็ตาม แต่ไม่ว่าแรงบันดาลใจมาจากที่ใด จะเป็นแฟชั่นในศตวรรษก่อน หรือคนกลุ่มไหน ในปีที่ความเป็นอิสระเสรีของความหลากหลายทางรสนิยมเปิดกว้างและถูกยกระดับขึ้น ทุกอย่างจึงเชื่อมโยงถึงกัน
การกลับมาของของงานหรูระดับ Couture
อย่างที่เคยเขียนถึงไปในช่วงก่อนหน้าว่า ปี 2015 นี้ เป็นปีที่ต้องจับตาในส่วนของเสื้อผ้าชั้นสูง หรือ Haute Couture จากห้องเสื้อรายใหญ่ เพื่อตอกย้ำถึงงานฝีมือในการสร้างสรรค์อาภรณ์โดยทีมกูตูริเยร์ เพราะไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยผ่านไป เสน่ของ Haute Couture ก็ยังคงเป็นที่สนใจเสมอๆ เริ่มต้นปีด้วยการเจอกับคอลเล็กชั่นที่หลายๆคนรอคอย Maison Margiela 'Artisanal' กับการกลับมาของ John Galliano อดีตกูตูริเยร์แห่ง Dior, ต่อด้วยช่วงกลางปี Haute Couture คอลเล็กชั่นโดย Givenchy หลังจากห่างหายไป 3 ปีก็กลับมาให้แฟนๆได้ชื่นใจกันอีกครั้ง, Karl Lagerfeld และ Fendi ลอนช์ Haute Fourrure และล่าสุดกับ Saint Laurent ก็กลับมาเปิดในส่วนของ Atelier เพื่อสร้างสรรค์ Couture คอลเล็กชั่นอีกครั้ง รายละเอียดและงานเทคนิคเหล่านี้ ส่งผลถึง Ready-to-Wear ของแต่ละห้องเสื้อในปีหน้าเป็นต้นไปอย่างแน่นอน
การโยกย้ายสลับสับเปลี่ยนของดีไซเนอร์
นับตั้งแต่ปลาย 90's ที่มีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้อใหญ่ ในปี 2015 นี้เราก็ได้เห็นกันอีกครั้ง มีทั้งการโยกย้ายดีไซเนอร์ของแต่ละแบรนด์ ไปจนถึงมีการปิดตัวลงของแบรนด์ต่างๆ อย่างที่เร็วๆนี้คงไม่มีข่าวไหนทำให้หลายๆคนตกใจได้เท่ากับการที่ Raf Simons โบกมือลาจากห้องเสื้อชั้นสูง Christian Dior ต่อมาด้วยการที่ Alber Elbaz ออกจาก Lanvin หลังจากที่ร่วมงานกันมายาวนานข้ามทศวรรษ หรือการประกาศปิดแบรนด์ต่างๆซึ่งมีให้เห็นในปีนี้ เช่นการที่ Kris Van Assche ประกาศปิดแบรนด์ของตัวเอง และการที่ Marc Jacobs ทำให้แฟนๆของ Marc by Marc Jacobs ต้องแปลกใจ เมื่อแบรนด์แฟชั่นสนุกๆของใครหลายคนเป็นอันต้องปิดตัวลงในปีนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นในยุคที่การแข่งขันด้านธุรกิจของสินค้าแฟชั่นนั้นสูงสุดโต่ง ผลประกอบการเป็นตัวผลักดันให้หลายๆกลุ่มสินค้าแฟชั่นปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย
การร่วมเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน
การก่อการร้ายครั้งร้ายแรงที่สุดหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ของกรุง Paris ปลายปีนี้ ทำให้นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ 9/11 เมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 21 หลายๆคนบนโลก ไม่ว่าจะทำอาชีพใด ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใด ต่างก็ร่วมเป็นกำลังใจแก่กันและกัน ยิ่งมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในเมืองแฟชั่นโลกอย่าง Paris ด้วยแล้วนั้น แฟชั่นดีไซเนอร์แต่ละห้องเสื้อต่างก็โพสให้กำลังใจและส่งกำลังใจแก่ผู้ที่ประสบภัยกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2001 หลังจากเกิดเหตุการณ์ 9/11 แฟชั่นจากหลายๆแบรนด์ไอคอนประจำ New York ต่างก็ไว้อาลัย และนำเสนอแฟชั่นซึ่งดูเรียบง่าย ดูสงบนิ่ง ไม่ฉูดฉาดมากนัก (ในตอนนั้น Rick Owens งดโชว์ฤดูกาล S/S 2002) แต่ในฟากฝั่งของฝรั่งเศส เชื่อว่าห้องเสื้อใหญ่ประจำ Paris จะร่วมเป็นกำลังใจด้วยการสร้างสีสันให้ Paris กลับมาคึกคักอีกครั้ง เช่นที่ทุกคนบอกว่า Stay 'Strong' Paris ครับ ^__^
(รูปภาพ : opoloppoppy)
No comments:
Post a Comment