เข้าสู่ปีที่ 4 ที่ Seoul Fashion Week จัดที่ Dongdaemun Design plaza (DDP) แม้บรรยากาศยังคงเดิมแต่ที่แตกต่างไปคือภาพรวมของแต่ละโชว์นั้นมีสเกลที่ใหญ่ขึ้น แม้ไม่ใหญ่ด้วยสถานที่ก็ใหญ่ด้วยองค์ประกอบต่างๆไม่ว่าจะเป็น การตกแต่งสถานที่ แสง สี รวมถึงบรรดาสื่อ และบายเออร์เจ้าดังจากยุโรป ฟรอนท์โรว์ระดับเอลิสต์ที่เชิญมา ทำให้หลายโชว์เรียกได้ว่าถึงขั้น "ฮอลแตก" เมื่อบรรดาแฟนคลับพยายามเบียดเสียดเพื่อให้เข้าใกล้ศิลปินคนโปรดมากที่สุด สำหรับทางบล็อกเองที่ไปร่วมงาน Seoul Fashion Week มาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยที่ยังจัดที่ SETEC มาจนถึงปัจจุบันจัดที่ DDP บอกได้เลยว่างานสัปดาห์แฟชั่นของกรุงโซลนั้นดูเติบโตขึ้นมาก ถ้าจะขอยกให้เป็นสัปดาห์แฟชั่นชั้นนำติดอันดับ TOP 10 ของโลกก็คงไม่ผิดนัก
5 แบรนด์ที่เลือกมานี้คือ 5 แบรนด์ที่มีโอกาสได้ไปดูและชอบ โดยวัดจากรสนิยม และประสบการณ์ร่วมส่วนตัวเช่นเดียวกับการเลือกโชว์ที่ชอบของสัปดาห์แฟชั่นเมืองอื่นๆ ตัดเรื่องความสวยหล่อของตัวนายแบบนางแบบออกไป(ฮ่าๆ)เหลือไว้ที่การโฟกัสรายละเอียดบนชิ้นงานเท่านั้น ฤดูกาลนี้ทางผู้เขียนได้ดูโชว์ทั้งสิ้นประมาณ 20 แบรนด์ ส่วนแบรนด์ที่ไม่ได้ดูเพราะต้องจัดสรรเวลาไปทำอย่างอื่น (เช่นเที่ยว กินข้าว ซื้อของ พบปะเพื่อนและดีไซเนอร์)ก็ยังมีโอกาสได้ชมผลงานอย่างใกล้ชิ้นในบูทที่จัดแสดงไว้ ดังนั้นจึงไม่มีการลำเอียงเขียนชมเฉพาะโชว์ที่ได้ดูแน่นอน ส่วน 5 คอลเล็กชั่นที่ชอบมากที่สุดจะมีแบรนด์ใด เพราะอะไรนั้น เชิญชมกันได้เลย
Charm's
แบรนด์ที่เติบโตพร้อม Seoul Fashion Week อย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ Charm's แบรนด์ในกลุ่มสตรีทแวร์สัญชาติเกาหลีที่ในฤดูกาลล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่เพียงทำได้เพียงแค่การสร้างชิ้นงานเบสิกดูธรรมดาแล้วนำมาสไตล์ลิ่งเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น แต่ยังโชว์ศักยภาพการสร้างสรรค์ผลงานขึ้นไปอีกขั้นด้วยงานเทเลอร์คัตติ้งคมๆ ซิลลูเอทงดงามตามแบบฉบับแจ็กเก็ตรูปทรงนาฬิกาทรายที่กำลังเป็นเทรนด์ตามสมัยนิยม การใช้วัสดุทดแทนขนสัตว์ และปะเก็นที่เคยฮอตฮิตเมื่อทศวรรษก่อนๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นในคอลเล็กชั่นพิเศษ เป็นการร่วมงานกับ KAPPA อีกครั้ง Retro-Sport คอลเล็กชั่นในฤดูกาลนี้จึงดูกลมกล่อมเข้าทีมากทีเดียว
Master Number
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีแบรนด์ใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน มีทั้งแบรนด์ซึ่งดูมีเอกลักษณ์ชัดเจน ทั้งที่ตั้งใจ Parody และที่ 'เลียนแบบ' อย่างเห็นได้ชัด MasterNumber คือแบรนด์น้องใหม่เอาใจสายดาร์กในกลุ่ม 2 ที่ว่า คือตั้งใจ Parody ล้อเลียน เสียดสี แบรนด์ใหญ่ๆจนประสบความสำเร็จ ส่วนตัวเคยเห็นผลงานจริงของแบรนด์นี้เมื่อครั้งนำไปร่วมออกแฟร์ในกรุงปารีสเมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้า ก่อนที่จะมาเห็นบรรดาสื่อ และบายเออร์รายใหญ่พร้อมใจกันแวะเวียนไปชื่นชมที่บูทในงาน SFW ฤดูกาลล่าสุดอีกครั้ง บนราวแขวนเต็มไปด้วยชิ้นงานสีดำ มีแจ็กเก็ตและโค้ทตัวเก่งที่ทำให้ดู fetish ด้วยลาเท็กและตกแต่งโซ่โลหะ เป็นเอกลักษณ์ที่ทำมาตั้งแต่คอลเล็กชั่นแรก
Low Classic
ก่อนหน้านี้ Low Classic ถูกครหาว่าคือ "เซลีน เกาหลี" แต่มาในฤดูกาลนี้ดีไซเนอร์คนเก่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถนำพาแบรนด์ไปได้ไกลกว่านั้น แม้ในภาพรวมของคอลเล็กชั่นอาจทำให้นึกถึงแบรนด์ดังฝั่งปารีสที่ว่า แต่การนำเสนอให้ออกมาในทิศทางของตัวเองนั้นน่าชื่นชมทีเดียว อย่างที่เคยเขียนไว้หลายครั้งว่างานถนัดของดีไซเนอร์จากเกาหลีใต้คือเทเลอริ่งทั้งสำหรับหญิงและชาย แล้วเมื่อสัปดาห์แฟชั่นของยุโรปบอกไว้ว่ากระแสของแฟชั่นจากยุค 80s กลับมาอีกครั้ง โครงเสื้อโอเวอร์ไซส์ไหล่ตั้งอย่าง power suit ที่มาด้วยคู่สีนุ่มนวลชวนหลงไหลจึงเข้าทาง Low Classic และคงถูกใจสาวๆแฟนคลับที่กระจายอยู่ทั่วโลกแน่นอน
Rick Rhe
Rick Rhe เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เจาะกลุ่มตลาดอเมริกา อิตาลี และฝรั่งเศสเป็นหลัก เพราะดีกรีการศึกษาและประสบการณ์ของตัวดีไซเนอร์จึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ผลงานออกมาใหญ่ล้นมากด้วยคุณภาพไม่แพ้แบรนด์พี่ๆ จุดเด่นในคอลเล็กชั่นนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่การตัดเย็บ แต่รวมไปถึงการใช้วัสดุชั้นดี เช่นลูกไม้อิตาลี ขนสัตว์ทั้งแท้ และเทียมเพื่อขานรับกระแสโลก การย้อมไล่สี และการซ้อนทับเนื้อผ้าต่างชนิดหลากผิวสัมผัส เพื่อให้แลดูมีมิติมากกว่าการพิมพ์ลายธรรมดา หลังจากได้เห็นและสัมผัสชิ้นงานแบบใกล้ชิดแล้วบอกได้เลยว่าเป็นอีกแบรนด์ที่สาวๆเงินหนาต้องถูกใจในความโรแมนติกของดีเทลบนชิ้นงานเหล่านี้
Blindness
เชื่อว่า Blindness คงได้ใจคอแฟชั่นที่กำลังรอดูงานดรามาติกหลายฤดูกาลติด เช่นกันกับคอลเล็กชั่นล่าสุดที่เพิ่มดีกรีความดรามาติกขึ้นทั้งในส่วนของชิ้นงานและการสไตล์ลิ่งที่ทำให้นึกถึง Muse ตลอดกาลอย่าง ... Leigh Bowery ...
No comments:
Post a Comment