ทั้งจากการเสพข่าวสารบนเว็บไซต์ เว็บบอร์ด อ่านหนังสือเกี่ยวกับ Alexander McQueen ที่ออกมาหลายๆเล่ม จนถึงเล่มล่าสุดโดย 'Judith Watt' ที่เพิ่งวางแผงเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยหนังสือเล่มนี้มี 'Daphne Guinness' สาวสังคมผู้พ่วงด้วยตำแหน่งสไตล์ไอคอน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนรักและแฟนคลับของ Alexander McQueen มีส่วนร่วมด้วย ทั้งหมดนั้นสื่อให้เห็นว่าคอลเล็กชั่นที่ 'ลี แม็คควีน' ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่จนดูเป็นการสั่งลาที่แท้จริงคือคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2009 ที่ชื่อว่า 'The Horn of Plenty' หรือที่เราขอเรียกเล่นๆเป็นการส่วนตัวว่าคอลเล็กชั่น 'ปากเบิน' เนื่องด้วยการแต่งหน้าที่เน้นช่วงปากโดยการการทาให้คล้ายกับปากของ 'ตุ๊กตายาง' และสไตล์ไอคอนผู้ล่วงลับ 'Leigh Bowery' นั่นเอง
นอกจากคอลเล็กชั่นนี้เป็นการเสียดสีชิ้น Iconic ของโลกแฟชั่นทั้งบาร์แจ็กเก็ต 'New Look' อันโด่งดัง พร้อมลาย Houndstooth ซิกเนเจอร์ของ Dior, ชุดไร้ฟอร์ม Sac Dress ของ Givenchy และ Balenciaga รวมทั้งแจ็กเก็ตทวีดสไตล์ Chanel แล้ว นี่ยังเป็นการนำโมทีฟสำคัญในช่วงต่างๆมาใช้ อาทิเช่นเกราะโลหะที่ออกแบบและผลิตโดย Shaun Leane ที่เคยใช้ในฤดูกาล S/S 2000 เป็นการจัดโชว์ใน New York ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงลบ จนทำให้ลีตัดสินใจจะไม่ไปจัดโชว์ใน NYFW อีก, ซากสิ่งของต่างๆในสวนสนุกจากฤดูกาล F/W 2001 ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นสุดท้ายที่ทำงานภายใต้ชายคาบริษัท LVMH รวมทั้งเพลงที่ใช้ประกอบโชว์ก็เป็นเพลงเก่าจากคอลเล็กชั่นดังทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นคือเพลง 'She's A B**ch' เวอร์ชั้นรีมิ๊ก ที่เคยใช้ในโชว์ S/S 2002 ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นแรกที่ย้ายมาโชว์ใน Paris และเป็นคอลเล็กชั่นแรกภายใต้ Kering
จากทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้ขอคาดเดาไว้ว่า คอลเล็กชั่นสั่งลาที่แท้จริงของ Lee McQueen ก่อนจะวางมือน่าจะเป็นคอลเล็กชั่น 'ปากเบิน' แต่ด้วยเพราะลีเป็นคนที่รักเพื่อนพ้อง ลูกน้อง และคนรอบกายจึงทำให้เขาจำเป็นต้องประคองธุรกิจต่อไป จนท้ายที่สุดเมื่อมีแรงกดดันด้านอื่นๆเพิ่มเข้ามา นั่นคือการเสียชีวิตของคุณแม่ ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายขาดในที่สุด และเป็นจุดที่ทำให้เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง กลายเป็นตำนานแฟชั่นดีไซเนอร์ในความทรงจำที่ทำให้มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงและเปิดดูรูปผลงานของ ... Lee Alexander McQueen ...
ชุดเด่นจากคอลเล็กชั่น The Horn of Plenty ในพิพิธภัณฑ์ V&A ณ กรุงลอนดอน ที่ถ่ายไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ชุดเดียวกันที่จัดแสดงในร้าน Joyce บนเกาะฮ่องกง เมื่อปีค.ศ. 2009
No comments:
Post a Comment