U-KISS
แฟชั่นศิลปินดาราของสองชาติยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นเอเชียอย่างเกาหลีและญี่ปุ่นเหมือนกันในส่วนของ ''คอนเส็ป'' ที่วางไว้ แต่ในส่วนที่ต่างกันคือแฟชั่นจากศิลปินญี่ปุ่นในช่วงแรกที่เข้ามาระบาดในไทยที่ดูไปแล้วน่าจะตามได้คือสไตล์ของทรงผม การทำสี และการใช้ accessories เพื่อเป็นส่วนเติมเต็ม เพราะคอสตูมที่เราเห็นบอยแบนด์จากแดนอาทิตย์อุทัยใส่ร้องเต้นกันในจอนั้น ทำขึ้นเพื่อคอนเส็ปเฉพาะกลุ่มศิลปิน ดูพอดีเมื่ออยู่บนจอแต่พอออกมาในชีวิตจริงแล้วอาจจะดูมากไปฮ่ะ
Lucifer หนึ่งในกลุ่มศิลปิน rock(hard/pop) จากช่วงปลาย 90's
Harajuku Today, Japanese Street Fashion (2000)
กระแสถ่ายรูปสติกเกอร์ / สตรีท แฟชั่นไทยในนิตยสารวัยรุ่นปี 2000
ในส่วนของศิลปินเกาหลีที่ต่างไปจากศิลปินญี่ปุ่นคือคอสตูมที่ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำขึ้นเฉพาะ แต่เป็นเสื้อผ้าหรือไอเท็มที่หาได้จากแบรนด์ดังต่างๆทั้งจาก korean brands หรือ luxury brands ใหม่ๆ(นั่นทำไมทั้ง LVMH,PPR และ Prada ถึงรักเกาหลี) โดยมีสไตล์ในการจับคู่เสื้อผ้ากับไอเท็มออกมาดูเป็นแฟชั่นจ๋าแต่ว่าไม่มากไปจนใครที่ชอบไม่สามารถหยิบนำมาปรับใช้หรือซื้อหามาใส่ได้ฮ่ะ
Rain กับ Louis Vuitton ทั้งนอกและในจอ
Super Junior กับสารพัด Luxury Brands ใน music video
MVIO S/S 2010 หนึ่งใน korean brands สำหรับ MV ของ SS501
และด้วยเพราะสไตล์ที่จับต้องได้บวกกับแฟชั่นชายทุกวันนี้ในไทยก็ไปไกลกว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนการชื่นชอบในตัวศิลปินเกาหลี และได้เป็นในอย่างที่ Idol ในดวงใจเป็นอย่างน้อยก็ในเรื่องของแฟชั่น ทำให้ยิ่งนับวันกระแสของ K-Pop ยิ่งแรงขึ้นไปอีก การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลายชิ้นที่ไม่ใช่แค่เสื้อยืดบวกยีนส์แล้วจบพบได้ทั่วไปในทุกวันนี้ แต่อยากบอกว่าที่วัยรุ่นไทยมีดีกว่าคือในเรื่องของความหลากหลายของสไตล์ (ทุกสื่อสตรีทแฟชั่นเค้าคัดลงแต่ที่เด็ดๆ) ที่บอกได้ว่าไม่แพ้เหล่าแฟชั่นนิสต้าอื่นๆ(จริงๆ)ฮ่ะ
Cheeze Magazine กับกระแส Street fashion ไทย
กระแสเหล่านี้ยังคงมีอยู่หรือไม่ในทศวรรษหน้าหรือกระแสของชาติใดจะมาก็ไม่สามารถบอกได้ แต่เมื่อหลายปีก่อนตอนคุณแม่ยังสาววงการภาพยนต์อินเดียหรือ 'Bollywood' ฮิตมากในไทยแล้วก็หายไปตามการเวลา จากนั้นมาเกาหลีประเทศที่ไม่มีความนิยมในเรื่องของอุตสาหกรรมบันเทิงในไทยหากย้อนกลับไป 20ปีก่อนแต่ตอนนี้ตีตลาดได้ทั้งเอเชีย หรือจะเป็นกระแส Thai Pop Mania ที่เริ่มเห็นได้จากประเทศเพื่อนบ้านในตอนนี้ ก็คงต้องลุ้นกันอีกทีในทศวรรษหน้าฮ่ะ ...
No comments:
Post a Comment