January 23, 2011

Milan - Paris : Mens Fall/Winter 2011 - 12 (1)

ฤดูกาลของแฟชั่นผ่านไปไวแต่ไม่โกหก! สองเมืองใหญ่ที่ไม่เคยปล่อยให้ใครชิงตำแหน่ง "เจ้าแห่งแฟชั่น" ในคราวนี้นั้นสำหรับ Mens Fall/Winter 2011-2012 ยังคงเป็นสองเจ้าที่ "แฟชั่นนิสโต้" ชายรอคอยถึงแม้ว่า "เทรนด์" แฟชั่นทั้งหมดยังคงต่อเนื่องมาจากหน้าร้อน อย่างเช่น "สีส้ม" ในแบบฟลูโอโร แต่บางโชว์ได้ลดดีกรีจัดจ้านลงไป แม้แต่ชิ้นที่ไม่ได้ใหม่ไปจากช่วง summer อย่างเสื้อกันฝนก็มีมาให้เห็นได้จากในโชว์ talk of the town หรือแม้แต่แว่นตากรอบใหม่ในแบบ round-round ที่คงจะกลายเป็นหนึ่งในชิ้นขายดีของหนาวนี้ โดยจะขอพูดถึงแต่ละโชว์ที่ส่วนตัวคิดว่าน่าสนใจไว้เป็นสองส่วนนั่นคือ Milan และ Paris ฮ่ะ ...


Jil Sander


ปีนี้ทั้งปีแฟนๆของแบรนด์ minimalist แบรนด์นี้คงจะถูกใจกับสารพัดสีสันตั้งแต่ summer ยัน winter ถึงแม้ว่าความเรียบง่ายจะเป็นจุดขายของ 'Jil Sander' แต่การเล่นเลเยอร์ริ่งซ้อนทับและสีที่ Raf Simons นำเสนอยังคงเจอทั้งในแบบฟลูโอโรและการโชว์การตัดกันของสีที่ส่วนตัวคิดว่าหากไม่ใช่นายแบบแล้วจะออกมาดูดีหรือไม่? ... ถึงแม่ว่าโชว์นี้จะไม่ได้มีอะไรใหม่ไปกว่าผลงานที่ผ่านมาที่ตัว Simons ออกแบบไว้ แต่การใช้สีอย่างถึงใจอย่างนี้นานๆคงจะได้เห็นทีและนี่จึงกลายเป็นหนึ่งในโชว์ที่ออกมาย้ำเทรนด์ของโทนสีอีกครั้งประจำฤดูกาลใหม่


Burberry Prorsum


โชคดีคราวนี้ไม่มีกลุ่ม PETA ออกมาประท้วงระหว่างโชว์ เพราะทุกอย่างคงจะโกลาหลหลังจากที่สารพัดชุดทำจากขนมิงค์ปรากฏออกมา นอกจากเนื้อผ้าที่เหมาะกับเมืองหนาว(จริง)อย่างวูล ทวีด หรือขนสัตว์ มีชิ้นขายอย่างเสว็ตเตอร์และโคทลายตารางแล้ว winter นี้ที่ 'Christopher Bailey' นำเสนอต่างไปจากหน้าร้อนก็คือการใช้สี ที่นอกจากเสื้อผ้าแล้ว accessories สีจัด อย่างรองเท้าหรือผ้าพันคอก็มีออกมาเอาใจเช่นกัน แม้ว่าซีซั่นนี้จะเป็นช่วงฤดูหนาว แต่ชาวแฟนคลับประจำแบรนด์คงอยากได้ rain poncho ปิดท้ายช่วงฟินนาเล่แน่นอน


Versace


หลังจากได้ creative director คนใหม่ Martyn Bal มาในซีซั่นที่ผ่านมา คราวนี้การพากลับไปโฟกัสที่งานและซิกเนเจอร์ของแบรนด์บนสกินนี่ ลุคในยุคอดีตยังคงทำให้ส่วนตัวประทับใจ ทั้งในส่วนของการตัดเย็บและตัดต่อผืนหนัง หรือการใช้สีตัดกันอย่างที่ทางแบรนด์นิยมมาใช้กับชุดถักโดยมีสี cobalt blue ชูเด่นประจำซีซั่น และหากใครที่คิดว่าหนุ่มแบรนด์นี้ที่ต้องมาพร้อมมีหน้าเมดูซ่ามากมายบนหลายๆชิ้นที่ดูน่าเบื่อแล้ว ต้องบอกว่าหน้าเมดูซ่าโลโก้ประจำแบรนด์ในคราวนี้มีมาให้เห็นเพียงประปราย เพราะจุดขายใหม่โฟกัสไปที่คุณภาพงานโดยตรง


D&G


นี่เป็นหนึ่งในหลายๆคอลเล็กชั่นจาก D&G ที่ส่วนตัวแอบหลงรัก ที่บอกไปแบบนี้เพราะว่าเสื้อผ้าที่มาในสารพัดสีและลวดลายสไตล์ Pop Art จากช่วงวัฒนธรรม Pop ในคราวนี้นั้น หยิบเอาสิ่งที่เคยเป็นที่นิยมในอดีตทั้งจากซิกเนเจอร์ลุคของตัวแบรนด์ทั้งอิตาเลี่ยนสไตล์ด้วยเบลเซอร์คัตติ้งคม เสื้อโปโลหนึ่งในสัญลักษณ์ของสปอร์ตตี้แมน ฮู๊ดดี้ลายเจ้าหนู Mickey Mouse คาร์ดิแกนและงานเฟอร์บนซิกเนเจอร์ ลุคในแบบเมโทรเซ็กชวล แต่ที่ชวนซื้อและคิดว่าน่าจะถูกเลียนแบบขึ้นมาในไม่ช้านี้คือลายพิม Coca - Cola บนเสื้อผ้าสารพัดแบบ


Alexander McQueen


English Man Style กับเหล่าชายทหารตั้งแต่ยุคนโปเลียนจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของ Sarah Burton คราวนี้เป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นที่ส่วนตัวชื่นชมเป็นพิเศษประจำมิลาน ด้วยเพราะงานทั้งหมดทำให้นึกถึงสิ่งที่ตัว Lee เคยทำไว้ในหลายๆคอลเล็กชั่นที่ผ่านมา สารพัดชิ้นเด่นเช่น poncho หรือสกินนี่ ที่ทั้งวอร์มหรือหนังตัดต่อนั้นยังไม่ดึงความสนใจไปได้เท่ากับ accessories อย่างรองเท้า นอกจากคอมแบทบูทคู่สวยแล้วคราวนี้ยังมีการดึงเอา "หัวกระโหลก" ลายซิกเนเจอร์ประจำแบรนด์มาใช้และแน่นอนทั้งคอลเล็กชั่นปรากฏมาในมาตรฐานงานเทเลอร์


Neil Barret


โดยส่วนตัวสำหรับโชว์ของ Neil Barret ในคราวนี้กลายเป็นคอลเล็กชั่นที่ดูล้ำโลกที่สุดประจำงานสัปดาห์แฟชั่นของมิลาน ผลงานระดับเทลเลอร์ของถนัดที่ออกมายังคงเอาใจแฟนคลับประจำแบรนด์ได้แน่นอนทั้ง peacoat แจ็กเก็ตตัดต่อหนัง knitwear รวมถึงเสื้อยืดลายทาง แต่รายละเอียดที่น่าจะให้ความสำคัญในคราวนี้กลับกลายเป็น scuba legging ที่ส่วนตัวดูแล้วนึกถึงคอลเล็กชั่นผู้ชายของ McQueen ประจำฤดูร้อนปี 2008 หรือไกลไปกว่านั้นคือแฟชั่นจากแบรนด์ไทย Playhound ช่วงปี 2004 ที่บอกมาแบบนี้นั่นก็เพราะอยากบอกว่าถึงแม้มันจะดูแปลกและแรงไปสำหรับใครหลายๆคน แต่มันก็ไม่ได้ใหม่และยิ่งไปกว่านั้นมันเคยเป็นกระแสแฟชั่นกับเค้าด้วย


Prada


สิ่งที่ไม่อาจคาดเดาจาก Prada ในแต่ละคอลเล็กชั่นนั่นคือเรื่องของ "เทรนด์" แบรนด์ที่มักจะก้าวนำหน้ากระแสแฟชั่นโลกไปก่อนหนึ่งเสต็ปเสมอแบรนด์นี้ในคราวนี้ต่างไปจากช่วงฤดูร้อนเกือบสิ้นเชิง เนื้อผ้าสารพัดชนิดจากแล็ปทดลองของห้องเสื้อ เทคนิคการตัดเย็บชั้นเลิศหรือสไตล์ลิ่งที่ปรากฏออกมาทั้งเสื้อผ้า หน้าผม บน silhouette ที่เห็นได้บ่อยจากทางแบรนด์ และหากตัดเรื่องของแรงบัลดาลใจหลักหรือตีมคอลเล็กชั่นออกไปโดยไม่ต้องเจาะจงมากคุณเห็นอะไร อิทธิพลจากศิลปะแบบ Art Decor? หนุ่มบอยแบนด์ 60's? หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ทั้งหมดน่าจะกลายเป็นเทรนดืประจำหนาวนี้ไปโดยปริยายฮ่ะ

No comments:

Post a Comment

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...