Haute Couture Week Spring 2020

ถึงแม้ Haute Couture เปรียบดั่ง 'ต้นน้ำแห่งโลกแฟชั่น' เพราะทั้งคอนเซ็ปต์และเทคนิกการตัดเย็บที่ใช้จะไหลไปสู่คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปในฤดูกาลถัดไป แต่กลับดูเหมือนว่าต้นน้ำแห่งนี้กำลังเหือดแห้งเพราะระบบธุรกิจและรูปแบบการเสพแฟชั่นของผู้คนในยุคปัจจุบัน ดังนั้นวิธีที่กูตูร์เฮาส์ทั้งเก่าและใหม่นำมาใช้เพื่อประคับประคองให้แผนกตัดเย็บที่ว่าฝ่าวิกฤตไปได้ คือการเข้าสู่โหมดเซฟโซน ไม่ว่าจะเป็นการปรับทิศทางรูปแบบของผลงานจากเดิมที่หรูหราพาฝัน สู่คอลเล็กชั่นที่จับต้องได้ง่ายและใส่ได้จริง การลดสเกลโชว์ไปจนถึงเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอไปเป็นลักษณะพรีเซนเทชั่นเล็กๆแบบส่วนตัวเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสชิ้นงานอย่างใกล้ชิด

Valentino Haute Couture Spring 2020

'ชอบที่สุด' ในฤดูกาลนี้คงยกให้กับ Valentino เพราะเป็นการทริบิวต์ให้กับผลงานมาสเตอร์พีซของกูตูริเยร์ชั้นนำในทศวรรษที่ 80s ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ทำไมถึงมีกลิ่นอายของ Yves Saunt Laurent, Emanuel Ungaro, Azzedine Alaia คละคลุ้งไปทั่วทั้งคอลเล็กชั่น อีกทั้งเพลงที่ใช้จริงๆในโชว์ (ไม่ใช่เพลงที่ Live) นั้นก็ชอบมาก โดยเฉพาะกับ Crazy in Love เวอร์ชั่น Antony Hegarty ในช่วงฟินาเล่ แต่! ที่ 'ประทับใจที่สุด' คงหนีไม่พ้นโชว์อำลาของ Jean Paul Gaultier ที่นำชุดเด่นจากคอลเล็กชั่นดังมาปัดฝุ่นใหม่ให้แฟนคลับได้ชมกันอีกครั้ง ถือเป็นการวางกรรไกรของกูตูริเยร์รุ่นใหญ่ที่เป็นชาวฝรั่งเศสแท้ๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรีที่เดียว

Gaultier Paris Spring 2020

และที่ขอเป็นกำลังใจให้เลยคือ Bouchra Jarrar เพราะหลังจากที่เธอหยุดโชว์เมื่อปี 2016 เพื่อไปเป็นครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ให้ Lanvin แล้วไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เมื่อกลับมาโชว์อีกครั้งในฤดูกาลนี้ ปรากฏว่าเสื้อผ้าเรียบมาก เข้าข่าย 'สตรีทกูตูร์' จริงๆ คือเป็นงานกูตูร์ที่ดูใส่เดินตามท้องถนนได้ แต่งานเทเลอร์ซึ่งเป็นงานถนัดของเธอนั้นยังทำได้ดีเช่นเดิม

Bouchra Jaar Haute Couture Spring 2020

Mikimoto x Comme des Garcons

ในวันสุดท้ายของสัปดาห์แฟชั่นชั้นสูงแห่งกรุงปารีส (กูตูร์ วีค) คือการแสดงผลงานไลน์เครื่องประดับชั้นสูงของแบรนด์ดัง โดยฤดูกาลนี้มีไฮไลท์เด็ดเป็นงาน Collaboration ระหว่างแบรนด์เครื่องประดับมุกเก่าแก่จากญี่ปุ่น MIKIMOTO และ Comme des Garcons ซึ่งความเก๋ก็คือนำเสนอผ่านตัวแบบที่เป็นผู้ชาย นอกจากเป็นการขานรับกระแส Genderless แล้ว ยังเป็นการล้างภาพจำที่ว่าสร้อยมุกมีไว้สำหรับให้เพียงผู้หญิงสวมใส่อีกด้วย

'Gaultier Paris' by Jean Paul Gaultier's Grand Final Show

หลังชมโชว์สุดท้ายของ 'Jean Paul Gaultier' จบลง มีหนึ่งประโยคที่ผุดขึ้นมาซึ่งสามารถจะนิยามภาพรวมได้ดีที่สุดคือ แฟชั่นที่กำลังเป็นกระแสในช่วงเวลาปัจจุบันนั้น 'โกลติเยร์ทำมาหมดแล้ว' ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของนักออกแบบรุ่นหลังที่ต้องทำให้ดีกว่า เพื่อพิสูจน์ว่าโลกแฟชั่นสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างงดงาม เป็นเหมือนการรับไม้ต่อเมื่อสุดยอดนักออกแบบจากศตวรรษที่ 20 เหล่านี้ได้วางกรรไกร ถึงแม้ปัจจุบันธุรกิจแฟชั่นที่แข่งขันกันอย่างดุเดือนจะบั่นทอนกำลังใจและมีเรื่องผลกำไรมาเบียดเบียนความคิดสร้างสรรค์ก็ตาม

การแสดงผลงานครั้งสุดท้ายของ 'ฌอง-ปอล โกลติเยร์' คือ 'ยำรวมมิตรจานใหญ่' ที่ใครๆเคยตกหลุมรัก โดยทั้งหมดเป็นการนำ Archives เก่าๆมาปัดฝุ่นใหม่ ทั้งจากในคอลเล็กชั่นเสื้อสำเร็จรูปและคอลเล็กชั่นชั้นสูง รวมทั้งชิ้น Iconic สร้างชื่อตั้งแต่ที่เริ่มแบรนด์ 'Jean Paul Gaultier' ช่วงปลายยุค 70s ก่อนจะมาพีคถึงขีดสุดในช่วงกลางยุค 80s ถึงต้นยุค 2000s ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยเขียนถึงคอลเล็กชั้นเด่นๆของแบรนด์นี้ลงเฟสบุคอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่าชอบเกือบทุกชิ้นใน 200 ลุค (รวมนักเต้น) ในคราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคอร์เซ็ท บอดี้สูทหลากวัสดุพิมพ์และปักลายรอยสัก งานเทเลอร์ การคัสตอมเดนิม ไปจนถึงนางแบบ-นายแบบที่สะท้อนเรื่อง Diversity เข้ากับกระแสในปัจจุบัน ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่ฌอง-ปอลพยายามนำเสนอมาตั้งแต่ก้าวเข้าสู่โลกของแฟชั่น ทำให้กลางยุค 80s ผู้คนจึงได้ฮือฮากันกับคอลเล็กชั่นกระโปรงสำหรับผู้ชาย

และสุดท้ายที่ทำให้รู้สึกเสียดายแต่ไม่เสียใจนั่นคือ แบรนด์ Jean Paul Gaultier และไลน์ Gaultier Paris ยังไม่ไปไหน ถึงแม้ว่านี่คือโชว์สุดท้าย แต่เราก็ยังคงได้เห็นผลงานโอต์กูตูร์และโปรเจคใหม่ๆของฌอง-ปอลในอนาคต ซึ่งจะเป็นไปในทิศทางใดนั้น เชื่อว่าเร็วๆนี้จะมีข่าวเกี่ยวกับรายละเอียดในส่วนนี้ออกมาแน่นอน ต้องติดตามกันให้ดีๆ

Maison Margiela x Reebok Instapump Fury

งาน collaboration ล่าสุดระหว่างแบรนด์ Maison Margiela และ Reebok ที่เพิ่งเผยโฉมบนรันเวย์ Maison Margiela 'Artisanal' Spring 2020 บอกเลยว่าอยากได้มากกกกก~! ขอจดไว้เป็น Wish List ประจำปีนี้ไปอีกหนึ่งคู่ 

Time Magazine : Monsieur Christian Dior

ถ้าหากวันนี้เมอซิเออร์ 'คริสตีย็อง ดียอร์' (Christian Dior) ยังมีชีวิตอยู่ 'กูตูริเยร์คนแรกที่ได้ขึ้นปกนิตยสาร Time' ผู้นี้จะมีอายุ 115 ปี โดยปกนิตยสาร Time เล่มนี้คือฉบับวันที่ 4 มีนาคมปี 1957 หรือ 7 เดือนก่อนที่เค้าจะเสียชีวิต เหตุที่เมอซิเออร์ดียอร์ได้ขึ้นปกนั่นเพราะเป็นช่างเสื้อชั้นสูงชาวฝรั่งเศสที่สามารถชนะใจสาวๆผู้หลงใหลแฟชั่นในอเมริกา เป็นผู้นำแฟชั่นชั้นสูงมุ่งสู่นครนิวยอร์ก ทำให้ในช่วงเวลาต่อมาเราจึงได้เห็นป้ายตราสินค้าที่ทำขึ้นสำหรับอเมริกา Christian Dior- New York โดยเฉพาะ และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง

Balenciaga กำลังจะหวนคืนกูตูร์วีค

นี่ละมั้งคือสาเหตุหลักที่ทำให้ Demna Gvasalia ต้องตัดสินใจหยุดทำหน้าที่ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ที่ Vetements แล้วหันมาโฟกัสที่ Balenciaga อย่างจริงจัง นั่นเพราะ 'บาเลนเซียก้า' กำลังจะกลับมาแสดงคอลเล็กชั่นชั้นสูง (Haute Couture) อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มในกูตูร์วีคฤดูกาล Fall 2020 เดือนกรกฏาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่างานนี้อาจทำให้มีแบรนด์ในกลุ่ม Kering น้อยใจแน่ๆ เพราะปกติกลุ่มนี้จะพยายามเน้นเรื่อง Semi-Couture เพื่อแสดงให้เห็นว่า Ready-To-Wear ของแบรนด์ดังๆในกลุ่มตัวเองสามารถทำผลงานได้เทียบเท่าโอต์กูตูร์ นี่จึงถือเป็นแบรนด์แรกในกลุ่มที่ทำในส่วนนี้ เพราะของ Saint Laurent ก่อนหน้าก็ไม่ได้รับรองเป็นโอต์กูตูร์อย่างเป็นทางการ

Balmain Homme F/W 2020

นิยามของสัปดาห์แฟชั่นชายแห่งกรุงปารีสฤดูกาลล่าสุดนี้คือ 'ศิลปะ' ทั้งจากแรงบันดาลใจ สู่ผลลัพธ์ทางการออกแบบที่ได้มาซึ่งชิ้นงานไม่ต่างอะไรจากมาสเตอร์พีซชั้นยอดของศิลปินดัง Balmain ภายใต้การนำทัพของ Olivier Rousteing จึงนำเสนองานศิลปะที่สวมใส่ได้ ทั้งการร่วมงานกับศิลปินชาวฝรั่งเศส เพื่อรังสรรค์ 'ชุดขึ้นรูปทำด้วยผืนหนัง' ให้เปรียบดั่งงานประติมากรรมอันงดงาม (รูปแรก) ไปจนถึงงานปักที่ทีมช่างต้องใช้เวลาปักนานนับร้อยชั่วโมง (รูปที่สอง)

Dior Men F/W 2020

เห็นบน Instagram ของ Dior โพสต์เรียกน้ำย่อยก่อนหน้า ว่าคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2020 นี้ Kim Jones ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์จะทริบิวต์ให้ 'Judy Blame' ซุปเปอร์สไตล์ลิสต์ที่จากไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แค่นี้ก็ทำให้ตื่นเต้นและเดาได้เลยว่า ผลงานล่าสุดของ Dior Men ต้องมาพร้อมกลิ่นอายของคลับซีนปลายยุค 70s - 80s โมทีฟที่สื่อถึง New Romantic และ Punk อย่างเช่น เข็มกลัดซ่อนปลาย โซ่โลหะ และสร้อยมุก เพราะงานของ Judy Blame ทั้งในฐานะสไตล์ลิสต์ และเครื่องประดับไม่ว่าเป็นของแบรนด์ตัวเอง หรือที่ร่วมงานกับนักออกแบบสายกบฏอาทิ Vivienne Westwood, John Galliano, Rei Kawakubo, Gareth Pugh และที่เคยร่วมงาน Kim Jones เมื่อครั้งยังอยู่ที่ Louis Vuitton (ปี 2015) ก็ออกมาแนวนี้ทั้งสิ้น

Louis Vuitton Men F/W 2020

ยกให้เป็นผลงานของ Louis Vuitton Men ภายใต้วิสัยทัศน์ Virgil Abloh ที่ชอบมากที่สุดจากที่ทำมาทั้งหมด 4 คอลเล็กชั่นฤดูกาลหลัก ทั้งโชว์ เสื้อผ้า และเครื่องหนังทำให้นึกถึงงานจิตรกรรมของ Rafal Olbinski ไปจนถึง Salvador Dali งานเทเลอร์คือเนี้ยบมาก คัตติ้งเฉียบ ดูสลิมและที่สำคัญคือกระเป๋าบูดเบี้ยวเหมือนงานศิลปะแนวเหนือจริง (Surrealism) คือที่สุด

Rick Owens Men F/W 2020

ในยุคที่กระแส Genderless กำลังร้อนได้ที่ Rick Owens จึงจับนายแบบแปลงร่างเป็น Iggy Pop และ David Bowie เวอร์ชั่นทศวรรษที่  2020s ถือเป็นอีกครั้งที่นำเสนอเรื่อง New Romanticism ในแบบร่วมสมัยออกมาได้โดนใจสุดๆ

Milan Men F/W 2020 : เสื้อเอวลอย

'เสื้อเอวลอย' หรือเสื้อครอปสำหรับผู้ชาย กลายเป็นเทรนด์ใหม่ในสัปดาห์แฟชั่นชายของ Milan ฤดูกาล Fall/Winter 2020 ดังที่เห็นได้จากหลากแบรนด์ทั้งเล็กและใหญ่ โดยสองเจ้าขวัญใจคอแฟชั่นสายหรูอย่าง Gucci และ Fendi ก็ทำออกมาด้วยเช่นกัน

Gucci Men Fall/Winter 2020

Fendi Men Fall/Winter 2020

Gaultier Forever : Flashback 1988

ดูรูปนี้แบบเผินๆแล้วอาจนึกว่าเป็นผลงานล่าสุดของ Nicolas Ghesquiere สำหรับแบรนด์หรู Louis Vuitton แต่ที่จริงแล้วนี่คือชุดจาก 'Junior Gaultier' ไลน์วัยรุ่นของ 'Jean Paul Gaultier' บนปกนิตยสาร ELLE ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 1988 สอดคล้องกับสิ่งที่นิโคลาส์ให้สัมภาษณ์ในนิตยสารแอลฉบับเดือนมกราคม 2020 ที่วางแผงอยู่ในช่วงเวลานี้ "ถ้าว่ากันตามจริ งผมมีวันนี้เพราะที่นั่นเลยนะครับ แม้อยู่ไม่นานได้ทำหน้าที่เล็กๆน้อยๆ แต่ก็ยังอยากทริบิวต์ให้ช่วงเวลาเก่าๆของผม ผมเข้าใจในจิตวิญญาณของโกลติเยร์ และรับเอามาปรับใช้ในการทำงานของตัวเอง" คอลเล็กชั่นล่าสุดของวิตตอง จึงมีกลิ่นอายของ 'ฌอง-ปอล โกลติเยร์' แบบเต็มๆ

New Romantic

เคยเขียนถึงกระแส New Romantic ที่อิงความงดงามของศิลปะ Rococo เอาไว้เมื่อปลายปี 2018 ซึ่งไม่แน่ใจว่าเคยเอาลงเว็บไซต์ไหม แถมดาต้าเบสเว็บเวอร์ชั่นเก่าก็หายไปแล้ว แต่ดีใจที่ Paris Men ฤดูกาลนี้กลับมาโรแมนติกอีกครั้ง เพราะโลกในปัจจุบันที่กำลังปั่นป่วนวุ่นวายยิ่งทำให้แฟชั่นหวนกลับสู่ยุคแห่งความงดงามและหอมหวานเมื่อครั้งอดีต

ภาพ 'The Swing' ของ Jean-Honoré Fragonard ในปี 1767

Dior Men Fall/Winter 2020

Jean Paul Gaultier เตรียมโบกมือลารันเวย์

ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า โชว์ใหญ่ในรอบ 50 ปีของ Jean Paul Gaultier ที่จะมีในวันที่ 22 มกราคมนี้ จะเป็นการจัดโชว์ผลงานครั้งสุดท้ายของเจ้าตัว ก่อนที่จะเริ่มงานในโปรเจคต่อไป ถือเป็นข่าวเศร้าที่ต้องทำใจยอมรับและให้กำลังใจกูตูริเยร์คนโปรดรายนี้

Dior Lindbergh

เป็นอีกเล่มที่ทั้งใหญ่ ทั้งหนา ทั้งหนัก และคุ้มราคามากๆ ภาพถ่ายผลงานของ 'Dior' โดย Peter Lindbergh แบ่งเป็น New York และ Archives ส่วนตัวชอบในส่วน Archives มาก มีหลายภาพที่สร้างแรงบันดาลใจ อย่างแฟชั่นเซ็ทปี 1997 ภาพนี้ที่เคยเห็นตอนม.ต้น และทำให้อยากรู้เรื่องราวของแบรนด์ Dior และนักออกแบบนาม John Galliano มากยิ่งขึ้น

10 ปี ... Opolop Poppy ...

วันเวลาผ่านไปไวมากๆ เผลอแปปเดียวก็มีบล็อกส่วนตัวมาครบ 10 ปีพอดี ซึ่งสำหรับเราขอเรียกเป็นไดอารี่เอาไว้บันทึกเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่สนใจ เพราะย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วยุคที่คำว่า "แฟชั่นบล็อกเกอร์" อาจดูเก๋ในสายตาของหลายคน แต่สำหรับเราไม่รู้สึกอะไรกับคำนี้เลย อีกทั้งการเขียนบล็อกแฟชั่นในเมืองไทยนั้นไม่สามารถทำให้กลายเป็นอาชีพได้อย่างที่บิวตี้บล็อก หรือไอทีบล็อกทำกัน แต่! สิ่งที่บล็อกแฟชั่นได้มอบให้คือเรื่องของประสบการณ์ดีๆที่นำมาสู่การต่อยอดในด้านต่างๆ ขอบคุณทุกๆแบรนด์ไทยและเทศที่เคยเขียนถึง เพราะพวกเค้าเหล่านั้นได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ เราจึงมีเรื่องราวมาบันทึกเป็นไดอารี่ของ Opolop Poppy

Versace x Jennifer Lopez for S/S 2020 AD Campaign

50 ปีของ 'Enfant Terrible'

ปักหมุดไว้ได้เลยว่าวันที่ 22 มกราคมในช่วงสัปดาห์แฟชั่นชั้นสูงของกรุงปารีส จะมีโชว์ใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีของ 'Jean Paul Gaultier' นักออกแบบผู้ถูกขนานนามว่า 'เด็กแสบแห่งวงการแฟชั่น' โดยตัวเลข 50 ปีนับตั้งแต่ที่ฌอง-ปอล เริ่มก้าวเข้าสู่วงการโดยเข้าร่วมงานในฐานะผู้ช่วยของตัวพ่อสาย Avant-Garde อย่าง 'Pierre Cardin' ในปี 1970 ความพิเศษของโชว์นี้คือนอกจากจะมีจำนวนลุคที่มากถึง 200 ลุคแล้วยังเป็นการจัดโชว์นอกเฮดควอเตอร์ เพื่อหวนรำลึกถึงการจัดโชว์เมื่อครั้งอดีตที่จะย้ายไปจัดโชว์ตามสถานที่ต่างๆให้สอดคล้องกับผลงานในคอลเล็กชั่น

Jean Paul Gaultier เมื่อครั้งเป็นผู้ช่วยของ Pierre Cardin

5 ปีที่ Maison Margiela ไม่มี 'Martin'

วันนี้ครบรอบ 5 ปีที่แฟนคลับของ Maison (Martin) Margiela ได้พบกับโฉมใหม่ภายใต้การนำทัพโดยสุดยอดกูตูริเยร์ 'John Galliano' แม้แบรนด์ Maison Margiela ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่นายใหญ่แห่งบริษัท OTB เจ้าของแบรนด์ก็พอใจกับผลตอบรับตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงทำให้ 'จอห์น กัลลิอาโน่' ได้ต่อสัญญาอีกครั้ง

Alexander McQueen Sneaker Key Charm

ตอนที่เห็นรูปพวงกุญแจชิ้นนี้บน instagram นึกว่าเป็นของที่ร้านต่างๆทำกันเองเพื่อขายเป็นที่ระลึก อย่างที่มีพวงกุญแจรองเท้า Yeezy, AJ, Triple S ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ที่ไหนได้คือทางแบรนด์ทำออกมาจำหน่ายเองเลย น่ารักเชียว

Alexander McQueen Oversized Sneaker Key Charm

Jeremy Scott : The People's Designer

เพิ่งได้ชมภาพยนตร์สารคดีของปี 2015 เรื่องนี้ที่ทาง Netflix เพิ่งเอามาลง ถึงแม้เนื้อหาทั้งหมดคือการพยายามโน้มน้าวให้ผู้ชมได้เห็นว่าทำไม Jeremy Scott ถึงคู่ควรกับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนใหม่ที่ Moschino แต่! เราก็ได้เห็นแนวคิดบางอย่างของเจเรมี่ ซึ่งอาจทำให้คนที่ไม่ชอบเสื้อผ้าสไตล์ป็อปๆดู 'ฉึ่งโป๊ะ' อย่างนี้ได้ฉุกคิดกัน แต่ที่แน่ๆนั้นคือหลังจากหนังเรื่องนี้ฉายมาแล้ว 5 ปีตอนนี้ผลงานของเจเรมี่สำหรับ Moschino และยอดขายก็คงพิสูจน์แล้วว่าเค้าคู่ควรจริงๆ

"โลกแฟชั่นนั้นสนุกจริงๆ หรือเราพยายามกล่อมตัวเองให้รู้สึกสนุกไปกับมัน?" เพราะขนาดตัวเค้าเองที่เป็นคนทำงานสนุกๆออกมาแต่ทุกอย่างล้วนจริงจังและกดดันจนวินาทีสุดท้าย แล้วเมื่อการโชว์ผลงานจบลงก็ยังคงมีเรื่องให้เครียดกับคำวิจารณ์ โดยตัวเจเรมี่ได้เปรียบเทียบผลงานที่เค้าออกแบบกับรางวัลออสการ์ในทำนองว่า "ระหว่างหนังดรามาและหนังตลก หนังประเภทไหนที่มักจะได้รับรางวัลและคำเยินยอ?" ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับผลงานของเจเรมี่ที่เจ้าตัวเลือกเมินกับรางวัลและกระแสวิจารณ์ เพราะเค้ารักความสนุกสนานและอารมณ์ขันมากกว่า อีกทั้งเจเรมี่เปรียบให้เห็นว่า "คุณเคยเห็นเค้าสร้างรูปปั้นสรรเสริญให้นักวิจารณ์ไหมล่ะ?" "ไม่มีหรอก" เพราะ "เค้าสร้างรูปปั้นไว้สรรเสริญศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานประดับโลกใบนี้เท่านั้นแหละ"

'เจเรมี่ สก็อต' คือนักออกแบบชาวอเมริกันอีกคนที่มีแนวคิดคล้าย Tom Ford คือ ถ้าอยู่ที่อเมริกาไปนานๆแล้วไฟคงมอดแน่ๆ ดังนั้นเมื่อเรียนจบจาก Pratt Institute ในปี 1996 เค้าจึงย้ายมาปารีส ดินแดนที่เจเรมี่เชื่อว่านี่แหละคือสวรรค์ของคนแฟชั่นที่แท้จริง แม้มีเงินไม่มาก ต้องนอนในสถานีรถไฟบ้าง ไปอยู่ห้องเช่าเล็กๆบ้าง แต่เจเรมี่ก็มีความสุขกับที่นี่ เพิ่งทราบว่าเจเรมี่ไปสมัครงานที่ห้องเสื้อ 'Jean Paul Gaultier' ถึง 3 ครั้ง แต่ก็โดนปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง นั่นจึงเป็นเหตุให้เค้าตัดสินใจเปิดแบรนด์ของตัวเอง และโชว์แรกของ Jeremy Scott SIRAP (ต้องเขียนปารีสกลับหลังด้วย) ในบาร์ก็เกิดขึ้นในปี 1997 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่อง Crash ที่เคยนำไปสร้างเป็นหนังมีชื่อไทยว่า 'รักดิบ' ในปี 1996 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ความเจ็บปวดและความรุนแรงจากการชนของรถ ถือเป็นหนังเรท R ที่ดังเรื่องหนึ่งในยุค 90s เลยทีเดียว

ฟุตเทจโชว์แรกของเจเรมี่นั้นไม่มีในยูทูป ดังนั้นใครเป็นสมาชิก Netflix ก็อยากให้ลองชมกัน เสื้อผ้าให้อารมณ์ Alexander McQueen ในช่วงแรกๆ คือทั้งดิบ เซ็กซี่ และหลอน โดยงานของเจเรมี่มีทั้งรองเท้าที่ส้นยื่นออกมาคล้ายกระดูกมนุษย์ และการทรีทวัสดุก่อนนำมาตัดเย็บให้ดูเขลอะเป็นต้น

25 ปีที่โลกนี้ไม่มี Leigh Bowery

วันที่ 1 มกราคม 2020 ที่ผ่านมา ครบรอบ 25 ปีแห่งการจากไปของ 'Leigh Bowery' ศิลปินผู้ที่พ่วงด้วยตำแหน่งสไตล์ไอคอน / เอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริง / และนักจัดปาร์ตี้คนดังแห่งทศวรรษที่ 80s - ต้น 90s น่าเสียดายที่ 'ลีห์ บาวเวอรี' จากไปก่อนวัยอันควรด้วยอายุเพียง 33 ปีเนื่องจากติดเชื้อ HIV แต่สไตล์อันโดดเด่นก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักออกแบบทั้งหน้าเก่าและใหม่สร้างสรรค์ผลงานอันงดงามออกมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รูปที่ลงทั้งหมดนี้คือผลงานบางส่วนของดีไซเนอร์ที่ชื่นชอบ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสไตล์ของ Leigh Bowery

Leigh Bowery - Givenchy Haute Couture Fall 2000

Leigh Bowery - Dior Haute Couture Fall 2002

Leigh Bowery - John Galliano Spring/Summer 2003

Leigh Bowery - Gareth Pugh Spring/Summer 2007

Leigh Bowery - Alexander McQueen Fall/Winter 2009

Leigh Bowery - Maison Margiela Artisanal Fall 2013

Leigh Bowery - Rick Owens Spring/Summer 2016

Leigh Bowery - Gareth Pugh Spring/Summer 2016

MTCH - Comtemporary Matcha Bar

สำหรับใครที่รักมัทฉะเป็นขีวิตจิตใจ เราขอแนะนำร้านใหม่ MTCH ร้านที่เก๋ทั้งบรรยากาศ และเมนูที่รังสรรค์ด้วยมัทฉะจากญี่ปุ่น ซึ่งทางร้านพิถีพิถันคัดเลือกด้วยตัวเอง